ศิลปินและโปรดิวเซอร์หนุ่มเจ้าของ 8 รางวัลแกรมมี่ FINNEAS พี่ชายและโปรดิวเซอร์คู่ใจของ Billie Eilish ปล่อยอัลบั้ม 'Optimist' ที่มาพร้อมกับมิวสิควิดีโอซิงเกิลใหม่อย่าง "Love Is Pain" เพลงที่มีคีย์ชวนฝันผสมกับเนื้อเพลงที่เจ็บปวดอย่างท่อน "wish it wasn't mandatory dying." ที่แปลว่า "ฉันหวังว่ามันคงไม่ถึงตาย" โดย "FINNEAS" กล่าวถึงเพลงนี้ว่า "มันเกี่ยวกับความรักที่แสนเจ็บปวดและทำให้ใจสลาย ผมต้องการเขียนเพลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในแบบผู้ใหญ่ ยิ่งการที่เรารักใครบางคนมากเท่าไหร่ เขานั้นก็มีความสามารถในการทำร้ายหัวใจเราได้มากเท่านั้น"
เพลงของ "FINNEAS" นั้นขับเคลื่อนด้วยความรัก เป็นความรักต่อดนตรีที่เจ้าตัวไม่เคยรู้สึกเหน็ดเหนื่อย "FINNEAS" ลงมือเล่นเครื่องดนตรีทุกเครื่องที่อยู่ในสตูดิโอ รวมถึงร้องและแต่งเพลงทั้งหมด เปรียบเหมือนความรักที่ทำให้คุณมีจุดมุ่งหมาย มันเป็นความรักที่ทุกคนจะสามารถสัมผัสได้จากการฟังอัลบั้ม "Optimist"
ระหว่างที่ทั่วโลกกำลังอยู่ในช่วงล็อคดาวน์ "FINNEAS" จึงมีเวลาที่จะกลับบ้านของเขาที่ L.A. และทำให้เขาได้โฟกัสทำอัลบั้มของตัวเองจนสำเร็จ ซึ่งเขา กล่าวว่า "สำหรับนักแต่งเพลงให้ศิลปิน คุณไม่มีเวลาพอที่จะทำเพลงของคุณเองและน่าเสียดายที่ไม่มีใครมาบังคับผมให้ทำอัลบั้มของผมนอกจากตัวผมเอง" ก่อนหน้านี้เขาได้ปล่อย 2 ซิงเกิลมาให้แฟน ๆ ได้ฟังกัน คือ "A Concert Six Months From Now" ที่มีเสียงกีตาร์อะคูสติกเพราะ ๆ ที่พูดถึงการซื้อตั๋วดูคอนเสิร์ตล่วงหน้าไว้ 6 เดือนกับแฟนเก่า แต่สุดท้ายความรักของก็ต้องจบลงและก็ไม่ได้ไปดูคอนเสิร์ต และเพลง "The 90s" ที่เป็นการนึกย้อนกลับไปเมื่อสิบปีที่แล้ว ตอนที่ทุกอย่างนั้นแสนจะเรียบง่าย โลกที่ไม่มีอินเตอร์เน็ต และมือถือ ซึ่งเขามีความต้องการจะกลับไปในช่วงเวลานั้นอีกครั้ง
และในส่วนของเพลงที่ปล่อยออกมาพร้อมกับอัลบั้มอย่าง "The Kids Are All Dying" นั้นมีเสียงเปียโนผสมกับเสียงปรบมือรัวที่ให้ความรู้สึกถึงพลังงาน "คุณจะร้องเพลงรักได้ยังไงในเมื่อตอนนี้เด็ก ๆ กำลังตาย ถึงแม้ว่า พวกเรากำลังผ่านเวลาที่ยากลำบากและความไม่แน่นอน มนุษย์นั้นไม่เคยที่จะกีดกัน ความรัก เซ็กซ์ ความสนุกสนาน และการผจญภัย" นอกจากนี้ "FINNEAS" กล่าวเพิ่มเติมว่า "ถ้าคุณกำลังมีความรัก คุณก็จะแต่งเพลงรักมันเป็นวิธีที่สมองนั้นสั่งการ"
ในขณะที่เพลง "How It Ends" มากพร้อมเสียงเบสสไตล์ฟังก์ ฟังสบาย และเพลง "Only A Lifetime" นั้นเกี่ยวกับการสำรวจปีที่แปลกประหลาดผ่านมุมมองอันหลากหลาย "ผู้คนส่วนใหญ่เดินเล่นรอบ ๆ บ้านของตัวเอง อธิฐานให้การล็อคดาวน์นั้นสิ้นสุดลง และรอคอยวัคซีน" โดย "FINNEAS" เล่าว่า "จู่ ๆ ผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมอาจจะคิดถึงช่วงเวลาที่สงบสุขนี้ที่ผมมีกับครอบครัวและแฟนของผม ผมพยายามเตือนตัวเองเสมอว่าให้อยู่กับปัจจุบัน และพยายามมีส่วนร่วมไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น"
"FINNEAS" ได้เผยสิ่งที่เขาอยากให้แฟน ๆ ได้รับรู้หลังจากฟังอัลบั้ม "Optimist" ว่า "ผมหวังว่าจะมีเด็กที่ไหนสักแห่ง เล่นเพลงของผมและคิดว่า นี่คือสิ่งที่ฉันรู้สึกอยู่ตอนนี้ นั้นเป็นสิ่งที่ผมทำกับเพลงโปรดของผม ส่วนตัวแล้วผมคิดว่ายิ่งผมเรียนรู้มากเท่าไหร่ผมยิ่งรู้น้อยเท่านั้น เพราะงั้น ตอนนี้ผมแค่รู้สึกโชคดีมากๆ และมองอนาคตในแง่ดี"
เมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เอง FINNEAS ได้รับ 2 รางวัลแกรมมี่กับน้องสาวของเขา Billie Eilish กับเพลง'everything i wanted' และเพลง "No Time To Die,"เพลงประกอบภาพยนต์ James Bond ที่ชนะรางวัลสาขา Best Song Written For Visual
ในปี 2020 "FINNEAS" ได้รับ 6 รางวัลแกรมมี่ สาขา Producer of the Year, Non-Classical,Best Engineered Album, Non-Classical ,Record of the Year, Album of the Year และ Song of the Year กับ "Billie Eilish" น้องสาวของเขา ทุบสถิติ ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง อัลบั้มเดบิวต์ WHEN WE ALL FALL ASLEEP, WHERE DO WE GO? กับเพลงฮิตทั่วโลกอย่าง 'bad guy' และร่วมเขียนเพลงฮิตให้ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกมากมาย อย่าง Justin Bieber, Demi Lovato, Selena Gomez, Camila Cabello, Tove Lo, Ben Platt
สามารถชม MV เพลง "Love Is Pain" ได้ที่นี่: https://youtu.be/ybehuJpDwb8สามารถฟังเพลงจากอัลบั้ม "Optimist" ได้ที่นี่: https://FINNEASTH.lnk.to/OTMPR
"Optimist" Tracklisting
01. A Concert Six Months From Now
02. The Kids Are All Dying
03. Happy Now
04. Only A Lifetime
05. The 90s
06. Love Is Pain
07. Peaches Etude
08. Hurt Locker
09. Medieval
10. Someone Else's Star
11. Around My Neck
12. What They'll Say About Us
13. How It Ends