'บมจ.ซีวิลเอนจีเนียริง' ผู้นำด้านวิศวกรรมโยธาแบบครบวงจรชั้นนำของประเทศ จับมือ 'ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น' ภายใต้กิจการร่วมค้ายูเอ็น-ซีซี ลงนามสัญญากับ กทพ. ร่วมพัฒนาและบริหารงานโครงการก่อสร้างทางพิเศษสายพระราม3- ดาวคะนอง- วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันตก สัญญาที่ 1 ระยะทาง 6.4 กิโลเมตร รวมมูลค่าโครงการ 7,350 ล้านบาท พร้อมนำประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและหลักการบริหารจัดการสมัยใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารโครงการที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ก่อสร้างเสร็จได้ตามกำหนด เพื่อขยายทางพิเศษให้สามารถรองรับการเดินทางระหว่างพื้นที่ชั้นนอกและพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานคร และเป็นการบรรเทาปัญหาจราจรติดขัดบนถนนพระราม 2 ตลอดจนช่วยอำนวยความสะดวกการเดินทางและโลจิสติกส์ ยกระดับการเดินทางและคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชน
นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVILเปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำองค์ความรู้ความชำนาญจากประสบการณ์การบริหารโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่มากว่า 50 ปี เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนาดใหญ่แก่ภาครัฐ โดยบริษัท ซีวิล คอนสตรัคชั่น เซอร์วิสเซส แอนด์ โปรดักส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มซีวิลเอนจีเนียริง ได้ร่วมกับ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ภายใต้กิจการร่วมค้ายูเอ็น-ซีซี ลงนามสัญญาพัฒนาและบริหารโครงการก่อสร้างทางพิเศษสายพระราม 3 -ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก สัญญาที่ 1 รวมระยะทาง 6.4 กิโลเมตร มูลค่าโครงการ 7,350 ล้านบาท กับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยบริษัท ซีวิล คอนสตรัคชั่น เซอร์วิสเซส แอนด์ โปรดักส์ จำกัด มีสัดส่วนการดำเนินงานร้อยละ 30 สำหรับโครงการดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อเชื่อมโยงโครงการคมนาคม ช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรในฝั่งกรุงเทพฯตะวันตก เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางให้แก่ประชาชนสัญจรลงสู่ภาคใต้และช่วยลดต้นทุนด้านขนส่งโลจิสติกส์ของประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะนำจุดแข็งด้านบุคลากรที่มีความชำนาญในวิศวกรรมก่อสร้าง การใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรอุปกรณ์มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จได้ทันตามกำหนด รวมถึงความสามารถด้านการผลิตของโรงงานชิ้นส่วนวัสดุก่อสร้าง พร้อมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานในโครงการนี้ โดยก่อสร้างทางยกระดับขนาด 6 ช่องทางจราจร ด้วยโครงสร้างรูปแบบคานคอนกรีตอัดแรงรูปกล่องสำเร็จรูปซ้อนทับไปตามแนวเกาะกลางถนนพระราม 2 ซึ่งมีความสูงประมาณ 15-20 เมตร ที่มีความท้าทายเชิงบริหารจัดการโครงการในหลายมิติ เนื่องจากแนวเส้นทางก่อสร้างในโครงการอยู่บนถนนสายหลัก ที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่นและมีบ้านพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก มีระบบสาธาณูปโภคขนาดใหญ่ เช่น ท่อก๊าซธรรมชาติใต้ดิน แนวสายไฟฟ้าแรงสูง แนวท่อประปา เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะนำหลักบริหารจัดการสมัยใหม่เน้นความคล่องตัว ยืดหยุ่นและประสบการณ์บริหารโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนาดใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินโครงการนี้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และส่งมอบงานที่มีคุณค่า มีคุณภาพสูงและความปลอดภัยในระยะเวลาที่กำหนด ทำให้โครงการดังกล่าวเป็นเครือข่ายคมนาคมด้านโลจิสติกส์และการขนส่งที่เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
"เรามีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ จากการเข้าร่วมกับพันธมิตรภายใต้กิจการร่วมค้ากับ ยูนิค เอ็นจิเนียริ่งฯ เพื่อร่วมบริหารโครงการก่อสร้างทางด่วนพระราม 3 ที่มีส่วนช่วยพัฒนาเครือข่ายเส้นทางคมนาคมให้ให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยในการเดินทางและขนส่งสินค้า ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน" นายปิยะดิษฐ์ กล่าว