นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2564 จะเห็นว่าธุรกิจอสังหาฯ ล้วนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด - 19 ตั้งแต่ปลายปี 2562 ส่งผลให้ตัวเลขผลประกอบการลดลงจนถึงปัจจุบัน ทำให้ในปีนี้อุปทานคอนโดฯ เปิดขายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีทิศทางการชะลอตัวลดลง 19 % เมื่อเทียบกับปี 2563 เนื่องจากสภาวะตลาดอสังหาฯ ยังคงมีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทอสังหาฯต่างๆ รวมถึงศุภาลัยได้เร่งส่งมอบคอนโดฯ สร้างเสร็จแล้ว พร้อมเข้าอยู่ให้กับลูกค้า และมีการจัดโปรโมชั่นส่วนลดเพื่อกระตุ้นยอดขาย ส่งผลให้ตัวเลขยอดขายคอนโดฯ ของศุภาลัยในปัจจุบันอยู่ที่ 3,810 ล้านบาท
ในไตรมาส 4 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการคอนโดฯ ใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 5,740 ล้านบาท คิดเป็น 17 % ของมูลค่าโครงการเปิดใหม่ทั้งหมด โดยเตรียมเปิดโครงการคอนโดฯ ใหม่ในกรุงเทพ ฯ จำนวน 3 โครงการ มูลค่า 5,490 ล้านบาท และโครงการคอนโดฯ ใหม่ในต่างจังหวัด จำนวน 1 โครงการ มูลค่า 250 ล้านบาท ซึ่งความท้าทายของโครงการแรก "ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร" มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท โดยปัจจัยที่บริษัทฯ ตัดสินใจเลือกเปิดตัวในช่วงนี้เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด - 19 ในประเทศไทยจำนวนลดลง และรัฐบาลมีการควบคุมผ่านมาตรการต่าง ๆ ทำให้ลูกค้าเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น
ขณะเดียวกันความท้าทายด้านทำเลที่ตั้งโครงการนั้น บริษัทฯได้พัฒนาที่ดินสร้างโครงการที่อยู่อาศัย บนทำเลที่ดินศักยภาพใจกลางเมือง ถนนนครไชยศรี ซึ่งเป็นทำเลที่ใกล้แหล่งศูนย์รวมหน่วยงานราชการต่างๆ โรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล และเป็นย่านที่อุดมสมบูรณ์ด้วยร้านค้า ร้านอาหารอีกมากมาย เดินทางสะดวกใกล้ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกฯ พร้อมเชื่อมต่อทุกการเดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวหรือระบบขนส่งสาธารณะ จึงมองกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนในพื้นที่ย่านสามเสน-ราชวัตร และกลุ่มคนทำงาน ในย่านนี้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในทำเลที่เดินทางสะดวกสบาย ราคาคุ้มค่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของตัวเอง
ด้านนายชัยจักร วทัญญู ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การออกแบบของโครงการคอนโดมิเนียม High Rise สูง 17 ชั้น เนื่องด้วยที่ตั้งโครงการอยู่ในย่านทำเลร่วมสมัย ที่แวดล้อมด้วยสถานที่สำคัญและสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า จึงได้ใช้แนวคิดสถาปัตยกรรมสไตล์ Modern Neoclassic ด้วยเส้นสายลวดลายประจำยามราชวัตรมาใช้ในการออกแบบเพิ่มความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของโครงการนี้ แสดงให้เห็นถึงศิลปะไทยชั้นสูง ลดทอนลวดลายในลักษณะร่วมสมัยสอดคล้องกับบริบทมากขึ้น ตัวอาคารรูปตัว L ตามรูปร่างที่ดิน ที่มีโทนสีแนวสุภาพอย่างเคารพสถานที่ มีความกลมกลืนกับบริบทแวดล้อมโดยรอบ
นอกจากนี้โครงการยังมีระบบที่จอดรถแบบ Auto Parking เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า ทำให้โครงการนี้มีที่จอดรถครบ 100 % ของจำนวนยูนิตเลยทีเดียว อีกทั้งด้วยจำนวนยูนิตเพียง 248 ยูนิต ให้ผู้พักอาศัยรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้น โดยมีแบบห้องที่หลากหลาย ตั้งแต่ 1-3 ห้องนอน ขนาด 38 -123.50 ตร.ม. เพิ่มความโปร่งสบายภายในห้องด้วยเพดานสูง 2.70 เมตร และอีกหนึ่ง Highlight โดดเด่นของการออกแบบให้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคาร เพื่อให้ผู้พักอาศัยได้ชมทัศนียภาพได้เต็มที่ และสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ อาทิ Infinity edge pool, Panoramic Fitness, Sky garden และ Relax sky Lounge ทำให้สามารถดื่มด่ำบรรยากาศวิวกลางเมืองได้แบบ 360 องศา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายอื่น ๆ มากมาย อาทิ ระบบ Home Automation, Smart Kitchen, สุขภัณฑ์Comfort Clean, ประตูห้องพักระบบ Digital Door Lock, Touchless : Face Scan และประตูอัตโนมัติ พร้อมกล้อง CCTV และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
ทั้งนี้ ลูกค้าทุกท่านจะได้สัมผัสความเหนือระดับบนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง เชื่อมต่อทุกการเดินทาง ใช้ชีวิตบนแลนด์มาร์คที่ใกล้ไปทุกสิ่งได้แล้ววันนี้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.92 ล้านบาท เปิดจองรอบพิเศษผ่านระบบ Online Booking วันที่ 22 ต.ค 2564 ตั้งแต่ 10.00 น. เป็นต้นไป และรอบ Pre -Sales วันที่ 30 - 31 ต.ค. 2564 ณ Sales Gallery โดยบริษัทฯ พร้อมดูแลยกระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในการเข้าเยี่ยมชมโครงการ และสามารถชมห้องตัวอย่างโครงการได้ก่อนใครในรูปแบบออนไลน์ Virtual Tour 360? ได้ที่ Facebook : Supalai Society สนใจสอบถามข้อมูลโทร. 1720 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.supalai.com