บมจ.เอสวีไอ (SVI) เดิมเกมเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านซัพพลายเชน เสริมศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก หลังเข้าซื้อหุ้น 'โทโฮกุ ไพโอเนียร์ (ประเทศไทย) หรือ ทีพีที' เพื่อบริหารต้นทุนอุปกรณ์ต้นน้ำสำหรับการประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หนุนอัตรากำไรสุทธิ SVI ภายใน 3 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นอีก 2-3%
นายสมชาย สิริปัญญานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการแบบครบวงจรในการประกอบผลิตภัณฑ์ประเภทวงจรไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูป ให้แก่ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (Original Equipment Manufacturer: OEM) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านซัพพลายเชนในกระบวนการประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันในอุตสาหกรรมของ SVI ในฐานะ 1 ใน 50 อันดับของผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ของโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอุตสาหกรรมทั่วโลกให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้น 100% ใน บริษัท โทโฮกุ ไพโอเนียร์ (ประเทศไทย) หรือ "ทีพีที" ถือเป็นกลยุทธ์สร้างการเติบโตในระยะยาวที่สำคัญของ SVI ที่ต้องการเข้าควบรวมกิจการซัพพลายเชนระดับต้นน้ำในภาคอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของทีพีทีในการผลิตและบริหารจัดการกระบวนการผลิตอุปกรณ์สำหรับประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากสินค้าที่ทีพีทีสามารถผลิตได้นั้น ปัจจุบันบริษัทฯ ยังคงนำเข้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ทั้งจากประเทศจีน ประเทศมาเลเซียและประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป ดังนั้น การได้มาซึ่งธุรกิจของทีพีทีนั้นนอกจากจะนำมาซึ่งต้นทุนการผลิตโดยรวมที่ต่ำลง ยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งและความเสี่ยงด้าน supplier อีกด้วย
"ทีพีที เป็นจิ๊กซอว์ที่เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพการผลิตของ SVI ก้าวสู่การบริหารซัพพลายเชนวัตถุดิบในระดับต้นน้ำของอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สนับสนุนขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลกที่ดียิ่งขึ้น จากการบริหารต้นทุนการผลิตโดยได้ดี ส่งเสริมอัตรากำไรสุทธิที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2-3% และกำไรต่อหุ้นจะปรับตัวดีขึ้นกว่า 10% ในอีก 3 ปีข้างหน้า" นายสมชาย กล่าว