"สยามเทคนิคคอนกรีต" หรือ STECH ลงนามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมมูลค่า 104 ล้านบาท หนุนผลงานโค้งสุดท้ายของปีส่งสัญญาณบวก ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังเติบโตตามแผน เชื่อผลงานทั้งปีเติบโตแข็งแกร่ง อุตสาหกรรมก่อสร้างเร่งเดินหน้าบิ๊กโปรเจ็กต์เปิดประมูลงาน พร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่องเสริมแกร่ง Backlog
นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สยามเทคนิคคอนกรีตจำกัด (มหาชน) หรือ STECH เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงนามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี สถานีไฟฟ้าสกลนคร 2 จังหวัดสกลนคร - สถานีไฟฟ้าศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ตามโครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่ายระยะที่ 2 กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยได้ใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆของบริษัททั้งเสาไฟฟ้าและอุปกรณ์ประกอบต่างๆ เช่น ฐานราก ซอง คอนสปัน มูลค่าสัญญาทั้งสิ้น 104 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาการดำเนินการประมาณ 360 วัน
สำหรับภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 3/2564 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้รับงานโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งจากภาครัฐบาลและเอกชน รวมมูลค่ากว่า 320 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานที่ได้รับในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2564 สนับสนุนภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตตามแผน และมองว่าจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก จากงานอุตสาหกรรม งานก่อสร้างและงานโครงสร้างพื้นฐานเริ่มเดินหน้าและเร่งส่งมอบภายในปีนี้
"ส่วนแนวโน้มภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 4/2564 ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากภาครัฐบาลและเอกชนเริ่มมีงานประมูลออกมาแล้ว ทำให้มองว่างานส่วนใหญ่ที่ถูกชะลอในครึ่งปีแรกจากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดต่อเนื่องจากปี 2563 ที่ผ่านมา จะเริ่มกลับมาเดินหน้าประมูลงานใหม่และส่งมอบได้ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เราก็คว้างานใหม่เข้ามาเสริม Backlog และ STECH ยังอยู่ระหว่างติดตามการประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น งานเสาเข็มสปัน โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน และงานเสาเข็มสปัน โครงการรถไฟไทยจีน เป็นต้น สะท้อนโอกาสในการเข้ารับงานเพิ่มเติม และจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป" นายวัฒน์ชัย กล่าว
คอนกรีตอัดแรงถือเป็นรากฐานสำคัญอันดับต้นๆ ในงานก่อสร้าง บริษัทฯ จึงเชื่อว่าจะได้อานิสงส์ในงานเมกะโปรเจ็กต์ ที่ภาครัฐเริ่มทยอยออกมาตามแผน จากจุดเด่นของบริษัทฯ ในความเชี่ยวชาญ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ อีกทั้งบริษัทฯ มีโรงงาน 9 แห่ง ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคใต้ ทำให้มีความสามารถในการแข่งขัน เตรียมพร้อมสำหรับการเข้ารับงานใหม่ๆ โดยเฉพาะโรงงานแห่งที่ 10 ที่จังหวัดชลบุรี สาขาที่ 2 เป็นอีกกำลังเสริมทัพการเข้ารับงานในโซนภาคตะวันออก รวมถึงโปรเจ็กต์ EEC เป็นโอกาสการเติบโตในปี 2565 ต่อเนื่อง