บมจ.เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี (AJA) ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) เซ็น MOU ร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมด้านเทคโนโลยี 5G ก้าวสู่เมืองอัจฉริยะ สอดรับยุทธศาสตร์ชาติ เดินหน้าสนับสนุนคลื่น 5G-ดึงเทคโนโลยี Alibaba พัฒนา smart city ภาครัฐ ก้าวสู่การพลิกโฉมในอนาคตสู่การเป็น "รัฐบาลดิจิทัล"
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ที่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) สำนักงานแจ้งวัฒนะ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมด้านเทคโนโลยี 5G สำหรับเมืองอัจฉริยะ ระหว่าง บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) กับ บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (AJA) โดยมี นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ กรรมการและ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และนายพิชัย ปัญจสังข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (AJA) ร่วมลงนาม
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการร่วมมือครั้งสำคัญขององค์กรและบริษัทพันธมิตรที่มีประสบการณ์ในการให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเรา ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี 5G เป็นอย่างมาก โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผลักดันให้มีการนำระบบ 5G มาใช้ในประเทศไทย เพื่อขับเคลื่อนการวางโครงสร้างพื้นฐานด้าน 5G เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายยุคใหม่ นำไปสู่การเชื่อมต่อกับประชาชนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆที่จะนำมาใช้พัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน เพราะระบบ 5G เป็นที่ยอมรับของประชาชน ในประเทศและโครงข่ายต่างๆของบริษัทอื่นๆ ที่ทำไว้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศ โดย NT ที่มีศักยภาพและพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและโทรคมนาคม และบริษัท AJA ที่เป็นภาคเอกชนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเพื่อจะนำมาพัฒนาเมืองให้เป็น Smart City โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ทั้งด้านดิจิทัลมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันทำให้เมืองที่เราอยู่เป็นเมืองที่สะดวกสบายขึ้น ใช้ชีวิตง่ายและปลอดภัยขึ้น
นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ กรรมการและ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ NT กล่าวว่าวัตถุประสงค์การเซ็นเอ็มโอยูในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริม ผลักดัน และประสานความร่วมมือในการร่วมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและแนวทางการดำเนินการต่างๆ ทางด้านเทคโนโลยีในภาครัฐและภาคเอกชนให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติฯ และนโยบายของรัฐบาล แนวทางการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลประสิทธิภาพสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และปรับเปลี่ยนสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดย NT มีศักยภาพและพร้อมที่จะเป็นหน่วยสำคัญของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและโทรคมนาคม อาทิ คลื่น เสาโทรคมนาคม สายไฟเบอร์ออฟติก ซึ่งใช้ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐ
ทั้งนี้ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม และสร้างความเชื่อมั่นด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านเทคโนโลยี และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ รวมไปถึงเพื่อส่งเสริมและพัฒนา บุคลากรทั้งภาครัฐและเอกชนให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจ และสร้างสังคมคุณภาพที่ทั่วถึงเท่าเทียมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
นายพิชัย ปัญจสังข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (AJA) กล่าวว่า สำหรับขอบเขตความร่วมมือภายใต้เจตนารมณ์แห่งบันทึกความร่วมมือฉบับนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงจะดำเนินงานร่วมกันตามขอบเขตความร่วมมือดังนี้ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ตกลงจัดหาคลื่นความถี่ 5G และอำนวยความสะดวกอื่นใดในการเชื่อมต่อคลื่นความถี่ 5G ย่าน26 GHz กับเครือข่าย บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถทำงานโดยคลื่น5G ย่าน26 GHz
ขอบเขตการดำเนินงาน AJA รับผิดชอบในการดำเนินการ พัฒนาระบบปฏิบัติการด้าน smart city ให้ตอบสนองต่อความต้องการใช้งานในด้านเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้นเพื่อให้เข้าถึงประชาชนและได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้น ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และอื่น ๆ ที่ได้พัฒนาและใช้ได้ผลมาแล้วในหลายประเทศในด้าน Smart City เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาประเทศต่อไป ตกลงเป็นผู้นำเสนอโครงการ Smart City ในทุกๆด้าน ให้กับหน่อยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อให้หน่วยงานนั้นๆ ได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการในแต่ละหมวด ให้ข้อมูลแก่หน่วยงานราชการตามที่กฎหมายกำหนด และตกลงเป็นผู้นำเทคโนโลยี ที่ได้รับจาก Alibaba มาพัฒนาโครงการ ให้บรรลุเป้าหมายโครงการ
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงทำงานร่วมกัน ให้การช่วยเหลือกัน ให้คำปรึกษาและสนับสนุนกิจกรรมของกันและกันเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของบันทึกความร่วมมือฉบับนี้ โดยบันทึกความร่วมมือฉบับนี้มีกำหนดระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามในบันทึกความร่วมมือฉบับนี้