'บมจ. ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์' หรือ TFM ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำ และอาหารสัตว์เศรษฐกิจอย่างครบวงจร โชว์งบไตรมาส 3/2564 ทำรายได้รวม 1,356.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 72.1 ล้านบาท ลดลง 47.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กำไรฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ปีนี้ โดยเติบโต 56% จากไตรมาสก่อน หลังปรับพอร์ตเน้นการขายสินค้าที่มี margin ดี ปรับสูตรอาหารลดต้นทุน หนุนผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 64 มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,726.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 172.5 ล้านบาท ด้านผู้บริหาร TFM ประกาศเร่งขยายธุรกิจ ผลักดันรายได้ปีนี้เติบโตตามเป้า
นายบรรลือศักร โสรัจจกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ TFM เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กันยายน 2564) บริษัทฯ สามารถผลักดันยอดขายให้มีการเติบโตได้ดี โดยมีรายได้รวม 3,726.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,145.8 ล้านบาท โดยมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นเป็น 52,350 ตัน เติบโต 18.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 172.5 ล้านบาท ลดลง 49.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบหลักบางกลุ่มที่ปรับเพิ่มสูงกว่า 30-40% อย่างไรก็ตามรายได้ของบริษัทฯ ยังคงเติบโตได้ดีและสะท้อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำ และอาหารสัตว์เศรษฐกิจอย่างครบวงจรได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,356.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,181.2 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยมาจากปริมาณการขายอาหารกุ้ง อาหารปลา และอาหารสัตว์บกที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับสามารถรับรู้รายได้จากการผลิตและจำหน่ายอาหารปลาของบริษัท AMG-TFM ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TFM ในประเทศปากีสถาน ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากการขายอาหารปลาในต่างประเทศเติบโตขึ้น นอกจากนี้ การปรับพอร์ตสินค้าที่หันมาเน้นขายกลุ่มสินค้า High Value เช่น อาหารสุกร และการบริหารจัดการด้านต้นทุนวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า
"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2564 และช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ ยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตที่ดีทั้งในแง่ของรายได้รวมและกำไรสุทธิ สะท้อนถึงความสามารถการดำเนินธุรกิจที่ดีของเรา เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกคน" นายบรรลือศักร กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFM กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 แม้ว่าโดยธรรมชาติจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งเกษตรกรมักจะลงลูกกุ้งและลูกปลาลดลง อันอาจส่งผลให้ยอดขายอาหารสัตว์น้ำชะลอตัวบ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม จากนโยบายการเปิดประเทศของภาครัฐที่คาดว่าจะทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศกลับมาฟื้นตัว จะช่วยหนุนให้อุตสาหกรรมปศุสัตว์กลับมาฟื้นตัวและส่งผลดีต่อความต้องการอาหารสัตว์มากขึ้น ถือเป็นปัจจัยเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมและส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งขยายการเติบโตของธุรกิจ โดยเน้นให้ความสำคัญกับการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และพัฒนาสินค้าให้มีอัตรากำไรอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการออกสินค้ากลุ่ม Fighting Brand เน้นทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ในขณะเดียวกัน TFM อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ชนิดอื่นๆ และวางแผนสร้างอาหารสัตว์น้ำเศรษฐกิจตัวใหม่ๆ เช่น อาหารปู ปลากดคัง ปลาชะโอน เป็นต้น ดังนั้น บริษัทฯ จึงมั่นใจว่าภาพรวมการดำเนินงานทั้งปีจะสามารถเติบโตได้ตามแผน หรือมีรายได้รวมเฉียด 5,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,244.5 ล้านบาท