บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล บริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2564 พร้อมปริมาณการผลิตที่มากเป็นประวัติการณ์ บริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตที่เป็นบวกในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2564 และปี 2565 โดยได้มีการเฝ้าระวังปัจจัยที่อาจกระทบ ซึ่งรวมถึงราคาพลังงานที่สูงขึ้น และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานที่อาจกระทบต่ออุปสงค์ผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้น
ไอวีแอลรายงาน EBITDA เท่ากับ 478 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 3 เทียบกับ 552 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสก่อนหน้า และ 240 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปีที่ผ่านมา ปริมาณการผลิตได้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3.73 ล้านเมตริกตัน ซึ่งนับเป็นสถิติใหม่ อันเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกที่ขับเคลื่อนอุปสงค์ผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ของไอวีแอล
เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวจากโรคระบาด ความต้องการซื้อสินค้าของผู้บริโภค และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่เพิ่มขึ้นล้วนเป็นบททดสอบสำหรับห่วงโซ่อุปทาน และผลักดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้สูงขึ้น โดยผู้ผลิตดำเนินการผลิตกันอย่างเต็มกำลัง ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ราคาค่าขนส่งสูงขึ้นและการขาดแคลนวัตถุดิบ
นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า "การฟื้นตัวจากสถานการณ์โรคระบาดของตลาดเศรษฐกิจหลักส่งผลดีต่อเราตลอดทั้งปีมานี้ และเราคาดหวังว่าจะอุปสงค์ที่แข็งแกร่งต่อผลิตภัณฑ์ของเรานั้นยังคงดำเนินต่อไปจนถึงปีหน้า อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเท่าเทียมกันทั่วโลก ดังที่เห็นได้บางประเทศในทวีปเอเชียกลับมาเปิดช้ากว่าที่อื่น อีกทั้งการฟื้นตัวของอุปสงค์ผู้บริโภคเองก็เผชิญกับราคาพลังงานที่สูงขึ้น และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน แต่รูปแบบการดำเนินธุรกิจของเราที่มีการบูรณาการและการมีฐานการผลิตและกระจายสินค้าในแต่ละภูมิภาค ครอบคลุมหลากหลายพื้นที่ทั่วโลกได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง การสร้างความยั่งยืนในทุกกลุ่มธุรกิจเป็นเป้าหมายหลักของเรา และเป็นสิ่งที่เรามุ่งเน้น ด้วยความพยายามของพนักงานทุกคนที่ทำงานร่วมกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อเตรียมองค์กรให้พร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต"
ไอวีแอลมีผลประกอบการสะสมตั้งแต่ต้นปีที่มั่นคง โดย 9 เดือนแรกของปี 2564 มี EBITDA เท่ากับ 1,512 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 123 เมื่อเทียบปีต่อปี ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจ Integrated Oxides & Derivative (IOD) จะเริ่มได้รับผลประโยชน์จากการกลับมาดำเนินการผลิตของแครกเกอร์ในเมือง Lake Charles (โรงงาน IVOL) ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป รวมถึงความได้เปรียบอย่างต่อเนื่องจากการใช้เชลก๊าซ
ในไตรมาสที่ 3 โครงการ Olympus ซึ่งเป็นโครงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจและต้นทุนทั่วทั้งองค์กรของบริษัทฯ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานคิดเป็นจำนวน 63 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำลังดำเนินงานตามแผนที่จะลดต้นทุนได้ถึง 610 ล้านเหรียญสหรัฐภายในที่ 2566 นอกจากนี้ ไอวีแอลมีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งด้านการกำกับดูแลกิจการ กลยุทธ์ การบริหารจัดการความเสี่ยง รวมทั้งเป้าหมายและการวัดผล อีกทั้งยังเริ่มใช้นโยบายและโครงสร้างการกำกับดูแลทางการเงินที่ครอบคลุม เพื่อเร่งปัจจัยแวดล้อมสำหรับโครงการที่กำลังขับเคลื่อนอยู่
ในสัปดาห์นี้ ไอวีแอลประกาศการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่คณะผู้บริหารระดับสูงสุดของบริษัทฯ ซึ่งเรียกว่า Indorama Management Council (IMC) โดยปรับเปลี่ยนหน้าที่ของผู้บริหารที่มากด้วยประสบการณ์ และแต่งตั้งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฎิบัติการ (Chief Operating Officer: COO) กลุ่มธุรกิจ Fibers และกลุ่มธุรกิจ Integrated Oxides and Derivatives (IOD) การแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าวจะช่วยสร้างกลุ่มธุรกิจให้ยั่งยืนได้ด้วยตนเอง พร้อมแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญใน IMC
สรุปผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2564
- รายได้จากการขายรวมมูลค่า 3,867 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 เมื่อเทียบปีต่อปี
- EBITDA เท่ากับ 478 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 3 เทียบกับ 552 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งลดลงร้อยละ 13 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้นร้อยละ 99 เมื่อเทียบปีต่อปี
- Reported annualized EPS เท่ากับ 4.53 บาท และ Core annualized EPS เท่ากับ 4.09 บาท
- Core ROCE เท่ากับร้อยละ 12.2 ลดลง 190 basis point (bps) เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และ 747 bps เมื่อเทียบปีต่อปี