เป็นเวลากว่า 3 ปีที่โอสถสภามุ่งมั่นช่วยเหลือคนพิการที่ประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้เหมือนเดิมให้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ผ่านโครงการพลังเพื่อก้าวต่อไป (Life must go on) และปีนี้นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่โอสถสภาได้ส่งมอบความช่วยเหลือแก่คนพิการครบเป้าหมาย 130 คนเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโอกาสฉลองการดำเนินธุรกิจครบ 130 ปี
ด้วยปณิธาน "พลังเพื่อเสริมสร้างชีวิตให้กับคนไทย" โอสถสภาได้ริเริ่มโครงการ "พลังเพื่อก้าวต่อไป หรือ Life must go on" ขึ้นในปีพ.ศ. 2562 เพื่อมอบความช่วยเหลือให้แก่คนพิการนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะการเป็นพลังให้ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำครอบครัว แต่อุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วยทำให้ต้องกลายเป็นคนพิการ ให้สามารถกลับมาประกอบอาชีพเพื่อดูแลตนเองและครอบครัวได้อีกครั้ง ด้วยการเสริมสร้างพลังกาย ฟื้นฟูร่างกายและพัฒนาศักยภาพ เสริมสร้างพลังใจ โดยการปรับสภาพบ้านให้คนพิการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วยตนเอง ไม่เป็นภาระของคนในครอบครัว ทำให้มีความมั่นใจอีกครั้ง และเสริมสร้างพลังชีวิต ด้วยการส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสม หรือจัดหาอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้ผู้ที่มีทักษะแต่ขาดทุนทรัพย์ เช่น อาชีพปลูกถั่วงอก เพาะเห็ด สานกระเป๋า ขายอาหาร ตัดผม ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อเป็นพลังให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ โดยในระหว่างปี 2562-2563 ได้ช่วยเหลือคนพิการรวม 64 คน
"พลังที่ยิ่งใหญ่ คือ พลังแห่งการให้ ความร่วมมือร่วมใจส่งมอบอาชีพให้กับคนพิการ ถือเป็นการปลุกพลังให้กับผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ ให้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งในการทำอาชีพที่เลือก เพื่อให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น มีความหวัง และมีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป" นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โอสถสภา กล่าว
ในสถานการณ์ปกติ คนพิการต้องเผชิญกับอุปสรรคและความลำบากในการดำเนินชีวิตมากกว่าคนทั่วไป เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 ขึ้น ยิ่งได้รับผลกระทบมากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม แม้ในปีนี้ มีวิกฤติเศรษฐกิจมากมาย โอสถสภายังมุ่งสืบทอดเจตนารมย์ สนับสนุนอาชีพให้คนพิการและผู้ดูแลคนพิการให้สามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว โดยได้ช่วยเหลือคนพิการที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มอีก 66 คน ในพื้นที่ 4 แห่ง ได้แก่ จังหวัดกรุงเทพฯ สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา และสระบุรี ทำให้ครบเป้าหมายการส่งมอบความช่วยเหลือแก่คนพิการจำนวน 130 คน ในปีพ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นปีที่โอสถสภาครบรอบ 130 ปี โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมการจัดหางาน หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น สมาคมคนพิการจังหวัดสมุทรปราการ มูลนิธิปัญพัฒน์เพื่อคนพิการ รวมถึงกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งเป็นภาคีเครือข่ายที่สำคัญและให้การสนับสนุนโครงการเป็นอย่างดี
นายยุทธนา ปะวะบุตร หนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการพลังเพื่อก้าวต่อไปจากจังหวัดกรุงเทพฯ ได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์สำหรับเปิดร้านขายกาแฟเล่าว่า "หลังจากที่โดนรถชน ขณะปฏิบัติหน้าที่ด้านการจัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์ ก็ไม่ได้ทำงานประจำ แต่ก็ไม่คิดจะยอมแพ้ ยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ลุกขึ้นมาสู้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระ และต้องขยันกว่าคนอื่น รู้สึกโชคดีที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ เพราะช่วยสร้างโอกาส ทำให้เราก้าวต่อไปได้"
นางจันทร์ทา วิชิต ผู้ร่วมโครงการในจังหวัดสระบุรี ซึ่งได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์สำหรับทำเครื่องใช้ปูนปั้นตกแต่งบ้าน และมีผู้สั่งซื้อ สั่งจองล่วงหน้าอย่างต่อเนื่องมาตลอด ทำให้เกิดรายได้ที่ต่อเนื่อง กล่าวถึงโครงการว่า "เมื่อก่อนทำงานที่โรงงาน แต่เมื่อได้รับการผ่าตัดเนื้องอกในสมอง ส่งผลให้ตาบอด แขนขาอ่อนแรง สามีต้องออกจากงานเพื่อมาดูแลตน ทำให้รายได้ของครอบครัวขาดหายไป แต่ทั้งตนและสามีไม่ยอมแพ้ และโชคดีได้ร่วมโครงการฯ ทำให้มองเห็นโอกาสในการนำความรู้ที่ติดตัวมาจากงานช่าง มาทำเก้าอี้ปูน กระถางปูน คนในชุมชนก็ช่วยกันบอกต่อ ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และตอนนี้ก็ยังศึกษา ลองทำสินค้าใหม่อยู่ตลอด เพราะเราโชคดีได้รับโอกาสนี้แล้ว ก็อยากจะทำให้ดีที่สุด"
โครงการพลังเพื่อก้าวต่อไป สะท้อนให้เห็นถึงการยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการตอบแทนสังคมมาเป็นเวลายาวนานกว่า 130 ปี นับตั้งแต่ได้ริเริ่มธุรกิจ จวบจนถึงปัจจุบัน และโอสถสภาจะยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ดังกล่าวเพื่อเป็นพลังเสริมสร้างชีวิตให้คนไทยและเติบโตเคียงข้างสังคมไทยสืบต่อไป