'บมจ.เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล' ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายใหญ่ในภาคเหนือภายใต้แบรนด์ 'เฮงลิสซิ่ง' โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 พุ่ง หลังเร่งรุกขยายสาขาสร้างโอกาสให้ลูกค้าท้องถิ่นเข้าถึงแหล่งเงินทุน ทำรายได้ดอกเบี้ย 1,072.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 222.0 ล้านบาท เติบโต 167.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเติบโตอย่างโดดเด่น ดันยิลด์ขยายตัวเพิ่มเป็น 18.3% ส่งผล 9 เดือนแรก พอร์ตสินเชื่อรวมขยายตัวเป็น 8,709 ล้านบาท รับคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ดีขึ้น ตั้งเป้าสิ้นปีคุมหนี้ NPLs ให้อยู่ในระดับ 3.5%
นางสุธารทิพย์ พิสิฐบัณฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายใหญ่ในภาคเหนือภายใต้แบรนด์ 'เฮงลิสซิ่ง' เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปีนี้ บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้าเพื่อช่วยสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นธรรม ทำให้พอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 8,709 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบกับปี 2563 ทำให้มีรายได้จากดอกเบี้ยรวมอยู่ที่ 1,072.4 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้จากพอร์ตสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันยังคงทำสัดส่วนรายได้หลักคิดเป็น 93% ซึ่งมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อเช่าซื้อและผลิตภัณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ) ทำสัดส่วนสูงสุด คิดเป็น 61.8% และ 29.7% ตามลำดับ ขณะที่รายได้จากสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอยู่ที่ 7% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 222.0 ล้านบาท จาก 213.0 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563
ทั้งนี้ การเติบโตดังกล่าวมาจากขีดความสามารถการให้บริการที่ดีขึ้นจากการให้บริการผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่มีความหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในท้องถิ่น โดยในช่วงไตรมาส 3/2564 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ ได้ลงทุนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 มีสาขารวม 489 สาขา จากเมื่อครึ่งปีแรกที่มีสาขา 451 สาขา ประกอบกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่มุ่งขยายพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเพิ่มขึ้น ทำให้พอร์ตสินเชื่อดังกล่าวขยายตัว 42.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ช่วยสนับสนุนรายได้จากดอกเบี้ยรวมในไตรมาสนี้เป็น 1,072.4 ล้านบาท โดยอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยสินเชื่อโดยเฉลี่ย (Yield on Loan) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 18.3% ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ทำได้ 113.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 167.4% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 3 ของปี 2563
"ความสำเร็จของผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2564 ที่มีอัตราเติบโตได้โดดเด่น มาจากการปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์เพื่อดูแลคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ที่ดีทำให้การตั้งสำรองส่วนเพิ่ม (Management Overlay) ในไตรมาสนี้ลดลง หลังจากลูกหนี้มีความสามารถการชำระหนี้ที่ดีขึ้น หลังจากเราให้ความช่วยเหลือปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 รวมถึงเรายังบรรลุแผนขยายพอร์ตสินเชื่อได้ตามเป้าหมายช่วยผลักดันรายได้ปรับตัวดีขึ้นอีกด้วย" นางสุธารทิพย์ กล่าว
ส่วนภาพรวมการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯ มั่นใจว่าจะเติบโต รวมทั้งมุ่งเพิ่มสัดส่วนรายได้จากพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานให้แข็งแกร่งมากขึ้น หลังลูกค้าต้องการเงินทุนเพื่อนำไปประกอบอาชีพรับกับจังหวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว พร้อมกันนี้บริษัทฯ จะควบคุมคุณภาพพอร์ตสินเชื่อโดยรวมให้อยู่ในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การพิจารณาการปล่อยสินเชื่อที่มีความรัดกุม ทำให้ บริษัทฯ คาดว่าจะควบคุมหนี้ NPLs ลดลงเหลือ 3.5% จากเดิมอยู่ที่ 3.7% ของพอร์ตสินเชื่อโดยรวม