บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PIN) นำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรกในวันที่ 9 พฤศจิกายน โดยใช้ชื่อย่อ 'PIN' ในการซื้อขายหลักทรัพย์ พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการ Logistics Park แห่งใหม่ และเปิดขายพื้นที่ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง6 รับนโยบายรัฐดึงนักลงทุนต่างชาติลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve ในเขตพื้นที่ EEC หนุนสัดส่วนรายได้ Recurring Income เพิ่ม สร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนเคียงคู่เศรษฐกิจไทย
นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ PIN ผู้พัฒนาและบริหารนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Industrial Town) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหลักทรัพย์เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรกในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 โดยใช้ชื่อย่อ PIN ในการซื้อขายหลักทรัพย์ฯ และเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพการดำเนินงานที่มีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง จากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญมานานกว่า 25 ปี ในการเป็นผู้พัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Industrial Town) ภายใต้มาตรฐาน ISO14001 และรางวัล Eco-Excellence ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและระยอง ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการนิคมอุตสาหกรรม และ Logistics Park รวมทั้งหมด 7 แห่ง พื้นที่รวมกันกว่า 7,500 ไร่ อยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ใกล้ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังและท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด และอยู่บนถนนสายหลักเชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินอู่ตะเภา รวมถึงบริษัทฯ ยังมีแผนเสริมศักยภาพการดำเนินโครงการในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโครงการเพื่อยกระดับไปสู่เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รองรับนโยบายภาครัฐที่ต้องการดึงเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve โดย PIN เตรียมเปิดขายพื้นที่พัฒนาแล้วในโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง6 ในจังหวัดระยองภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ รวมถึงเดินหน้าพัฒนาโครงการ Logistics Park แห่งใหม่ โดยพัฒนาที่ดินให้เช่าในระยะยาวและสร้างอาคารโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า พื้นที่อาคารรวมประมาณ 100,000 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นสองเฟส คาดแล้วเสร็จเฟสแรกภายในปี 2565 ทำให้ PIN ผลักดันรายได้จากการขายที่ดินเพิ่มขึ้นและเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) จากรายได้ค่าเช่าอาคารโรงงานและคลังสินค้า รวมถึงค่าบริการจากการให้บริการพื้นที่ส่วนกลางเพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนความมั่นคงด้านผลการดำเนินงานของบริษัทฯ
"เรามีเป้าหมายมุ่งพัฒนานิคมอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนเคียงคู่เศรษฐกิจไทย ผ่านกลยุทธ์การสร้างความมั่นคงด้านรายได้ประจำและสม่ำเสมอ จากแผนพัฒนาโครงการ Logistics Park แห่งใหม่ และการเปิดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง6 ช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นโอกาสดีในการนำศักยภาพโครงการของ PIN เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่ม S-Curve ร่วมสนับสนุนประเทศไทยก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0" นายพีระ กล่าว
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค มีศักยภาพการเติบโตสูงกับโอกาสการเปิดประเทศครั้งใหม่ของภาครัฐ เพื่อต้อนรับนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลกในช่วงจังหวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ขณะเดียวกันพื้นฐานการดำเนินธุรกิจของ PIN ที่จะต่อยอดนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองไปสู่เมืองอัจฉริยะ Smart City ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะเพิ่มความโดดเด่นและเสริมจุดแข็งด้านทำเลที่ตั้งของโครงการทั้ง 7 แห่ง ที่อยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC ได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการพัฒนาโครงการ Logistics Park แห่งใหม่ พร้อมเปิดขายที่ดินพัฒนาแล้วในโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง6 ทำให้ PIN ได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ ของนักลงทุนต่างชาติ
นายธนัท วงษ์ชูแก้ว กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค หรือ PIN ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยมในครั้งนี้ สะท้อนความเชื่อมั่นจากนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ รวมทั้งเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้เพิ่มศักยภาพธุรกิจและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องจาก (1) พัฒนาโครงการใหม่ คือ นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง6 และ Logistics Park ช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) โดยมาจากการให้บริการเช่าที่ดินพร้อมอาคารโรงงานและคลังสินค้าและให้เช่าที่ดินเปล่าและรายได้จากการให้บริการพื้นที่ส่วนกลางเพิ่มขึ้น ช่วยสร้างฐานรายได้ให้เติบโตอย่างมั่นคง (2) ชำระคืนเงินกู้ยืม และ (3) เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองตามกฎหมายและเงินสำรองอื่นๆ ของบริษัทฯ จึงมองว่า PIN เป็นหุ้นของกิจการที่อยู่ในช่วงเติบโต หรือ Growth Stock ที่จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างแน่นอน