TK 9 เดือนรายได้รวม 1,514.5 ล้านบาท กำไร 345.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37.5%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 10, 2021 13:24 —ThaiPR.net

TK 9 เดือนรายได้รวม 1,514.5 ล้านบาท กำไร 345.7 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 94.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37.5%

บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย เผยยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ 9 เดือน เพิ่มขึ้น 5% มียอดจำหน่ายรวมที่ 1,204,745 คัน แต่ในไตรมาส 3/2564 มียอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ 330,704 คัน ลดลง 20% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นปัจจัยสำคัญที่สะท้อนผลประกอบการของบริษัทฯ ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ TK ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา มีรายได้รวม 1,514.5 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 345.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.5% โดยในไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิ 129.8 ล้านบาท และรายได้รวม 476.2 ล้านบาท เทียบผลประกอบการไตรมาส 3/2563 กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 19.6% ในขณะที่รายได้รวมลดลง 23.8% จากสถานการณ์โควิด ระบุหนี้ครัวเรือนในประเทศ ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 สูงถึง 89.3% ของ GDP คาดอาจปรับตัวสูงขึ้น บวกกับอีกหลายปัจจัยเสี่ยง บริษัทฯ ยังคงนโยบายระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ และถือเงินสดรวมเงินฝากซึ่ง ณ ไตรมาส 3/2564 มีจำนวน 2,514.3 ล้านบาท เพื่อเตรียมพร้อมขยายธุรกิจทันทีทั้งในและต่างประเทศ

นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติงบการเงินสำหรับรอบบัญชีสิ้นสุดไตรมาส 3/2564 โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 9 เดือนอยู่ที่ 1,514.5 ล้านบาท ลดลง 23.8% จาก 1,988.1 ล้านบาท กำไรสุทธิ 345.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.5% จาก 251.3 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนในช่วงเวลาเดียวกัน โดยในไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิ 129.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.6% จาก 108.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน และรายได้รวม 476.2 ล้านบาท ลดลง 23.8% จาก 624.9 ล้านบาท โดยมีลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เงินให้กู้ยืมสุทธิรวม 3,818.0 ล้านบาท ลดลง 16.8% จาก 4,591.3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 จากนโยบายเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจและความเสี่ยงจากหลายปัจจัย

"ปัจจัยสำคัญที่สะท้อนผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทฯ ส่วนหนึ่งมาจากสภาวะตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศที่มียอดจำหน่ายในไตรมาส 3 ปีนี้ จำนวน 330,704 คัน ลดลง 20.2% จาก 414,344 คัน จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ตลอด 9 เดือนมีจำนวนรวม 1,204,745 คัน เพิ่มขึ้น 5.0% จาก 1,146,980 คัน จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้ทางบริษัทฯ จำเป็นต้องคงนโยบายเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้แน่ใจว่าได้ลูกค้าที่มีศักยภาพในการผ่อนชำระ มากกว่าการเร่งยอดปล่อยสินเชื่อเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการหรือเพิ่มลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เงินกู้" นางสาวปฐมากล่าว

ทางด้าน นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK กล่าวว่า ณ ไตรมาส 3 ปี 2564 บริษัทฯ มีลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เงินให้กู้ยืมสุทธิรวม 3,818.0 ล้านบาท ลดลง 16.8% จาก 4,591.3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 โดยสัดส่วนสินเชื่อในต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 28.1% ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2564 โดยมาจากกัมพูชาเป็นตลาดหลัก 84.7% มีลูกหนี้รวม 909.1 ล้านบาท เติบโต 5.0% จาก 865.5 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา ในขณะที่ สปป.ลาว มีลูกหนี้ 164.3 ล้านบาท ลดลง 16.0% จาก 195.7 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา

"ที่กัมพูชาตลาดขยายตัวในไตรมาส 1 และหดตัวในไตรมาส 2 เนื่องจากมีการล็อกดาวน์สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยตลาดกลับมาโตอีกครั้งในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ถึงแม้จะยังมีการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่สลับกันไป สำหรับใน สปป.ลาว สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงส่งผลให้มีการล็อกดาวน์ ทำให้ตลาดยังไม่กลับมาเติบโต อย่างไรก็ตาม เราเห็นสัญญาณที่ดีในตลาดทั้งสองประเทศ ตลาดค่อยๆ กลับมาขยายตัว และอัตราการชำระเงินที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เชื่อว่าในกัมพูชาและ สปป.ลาว จะเริ่มกลับมาเติบโตได้ในไตรมาส 4 นี้" นายประพล อธิบาย

ด้านดีลการซื้อกิจการ เอ็มเอฟไอเอล (Myanmar Finance International Limited) หรือ MFIL ผู้ให้บริการสินเชื่อในเมียนมา บริษัทฯ ยังคงมีความสนใจและเตรียมพร้อมที่จะดำเนินการดีลดังกล่าวต่อ โดยขณะนี้ยังต้องรอให้สถานการณ์ต่าง ๆ ในเมียนมาคลี่คลายและเอื้อให้สามารถเข้าไปดำเนินการต่าง ๆ ได้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงใช้กลยุทธ์รักษาสถานะเงินสดให้อยู่ในระดับที่พร้อมลงทุนสำหรับดีลที่ยังรอปิดอย่างกรณี MFIL เพื่อใช้สำหรับขยายตลาดเพื่อเพิ่มยอดลูกหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศทันทีที่ตลาดขยับตัว รวมทั้งใช้ในการลงทุนขยายธุรกิจเดิมที่บริษัทฯ เชี่ยวชาญในตลาดใหม่ และการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของบริษัทฯ เมื่อเห็นช่องทางและโอกาสที่เหมาะสม อนึ่ง ณ ไตรมาส 3 ปี 2564 บริษัทฯ มีสถานะเงินสดรวมเงินฝากอยู่ที่ระดับประมาณ 2,514.3 ล้านบาท นายประพล กล่าวทิ้งท้าย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ