บมจ.โรงพยาบาลพระรามเก้า โชว์ผลงานไตรมาส 3/64 กำไรสุทธิโต 15% แตะ 83 ล้านบาท รายได้รวม 760 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% ตามการเติบโตของรายได้กลุ่มลูกค้า IPD ตามการเติบโตของอัตราการใช้เตียงผู้ป่วยในเฉลี่ยต่อวัน และรายได้จากการรักษากลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่ม
นพ.เสถียร ภู่ประเสริฐ รองประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 ผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 ว่า กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 15% แตะ 83 ล้านบาท มีรายได้รวม จำนวน 759.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการเติบโตของรายได้กลุ่มลูกค้าผู้ป่วยใน (IPD) ที่เพิ่มขึ้น 31.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตของอัตราการใช้เตียงผู้ป่วยในเฉลี่ยต่อวัน (IPD average daily census) เพิ่มขึ้น 74.7% จากการรักษากลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มากขึ้น เนื่องจากการที่โรงพยาบาลได้ขออนุญาตในการขยายเตียงรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยใช้พื้นที่อาคารใหม่ และอาคารหอพักพยาบาลเพิ่มขึ้นในปลายไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ในขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อการรักษาจากกลุ่มผู้ป่วยในลดลงเล็กน้อย
สำหรับต้นทุนในการประกอบกิจการโรงพยาบาลอยู่ที่ 526.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.7 ล้านบาท เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 485.3 ล้านบาท โดยต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นเกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่ายจำนวน 9.9 ล้านบาท จากการเปิดอาคารใหม่ในปี 2563 โดยไตรมาส 3/64 บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 133.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17.6% ของรายได้รวม เมื่อเทียบกับ 132.2 ล้านบาท ในไตรมาส 3/63 คิดเป็น 18.9% ของรายได้รวม
โดยสัดส่วนที่ลดลงดังกล่าวสะท้อนถึงการจัดการที่ดีในการบริหารค่าใช้จ่าย แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายบางส่วนปรับสูงขึ้น รวมทั้งค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย บริษัทฯ สามารถประหยัดได้จากการดำเนินการเองเป็นการภายในโดยใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งบริษัทฯ มีค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่ายที่ 73.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการเปิดใช้อาคารใหม่และเครื่องมือแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับอาคารใหม่
"แนวโน้มที่เหลือของปี 2564 เราเห็นอุปสงค์การใช้บริการที่ดีขึ้น ไตรมาส 4/64 รายได้จากศูนย์เฉพาะทางต่างๆจะกลับมาเติบโต ส่วนหนึ่งเป็นผลตอบรับที่ดีจากการเปิดศูนย์ใหม่ อาทิ ศูนย์ LASIK ที่เปิดช่วงปลายไตรมาสแรก และศูนย์กระดูกสันหลัง ที่เปิดช่วงปลายไตรมาส 2 และศูนย์โรคปอดและระบบทางเดินหายใจ ที่จะเปิดช่วงไตรมาส 4 นี้ จากอุปสงค์คงค้าง Pent Up Demand ประกอบกับเข้า High season ของธุรกิจ ที่สำคัญบริษัทยังคงเน้นกลยุทธ์การเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มประกันสุขภาพจากความร่วมมือกับพันธมิตรบริษัทประกันหลายๆแห่ง และเพิ่มฐานลูกค้าบริษัทคู่สัญญา รวมทั้งยังเตรียมรับรักษาข้าราชการที่ได้รับสวัสดิการกับกรมบัญชีกลางอีกด้วย" นพ.เสถียร กล่าว