จากความเรืองรองของเมืองหลวงเก่าอย่าง "อยุธยา" เมืองท่านานาชาติที่รุ่งเรืองที่สุดในแถบเอเชียในอดีต ยิ่งใหญ่ข้ามกาลเวลาสู่เมืองท่องเที่ยว UNESCO World Heritage ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องมาเยือน ในวันนี้อยุธยายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความ 'อัศจรรย์อยุธยา' ในอีกหลายแง่มุมที่รอให้ทุกคนไปสัมผัส โดยที่ 'เซ็นทรัล อยุธยา' ซึ่งกำลังจะเปิดตัวในวันที่ 30 พ.ย. 64 นี้ จะมาส่องสปอตไลท์ให้อยุธยาโดดเด่น นำเสน่ห์ความเป็นกรุงเก่าที่ยังคงกลิ่นอายและมนต์ขลังมาทวิสต์กับความโมเดิร์นที่มีความร่วมสมัย โดยยังคงสื่อถึงอัตลักษณ์เมืองกรุงเก่าอย่างอยุธยาด้วยจุดเด่นสถาปัตยกรรมสะดุดตาตั้งแต่ Facade ที่ได้แรงบันดาลใจจากเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ไปจนถึง Must-Visit Instagrammable Landmarks ในรูปแบบของดีไซน์ฟีเจอร์ที่เป็นไฮไลท์สำคัญต่างๆ ภายใต้บรรยากาศแบบไทยร่วมสมัยหรือ Thai Twist ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากท้องถิ่น ได้แก่
Facade ย่อมุมไม้สิบสองด้านหน้าศูนย์การค้า: สถาปัตยกรรมย่อมุมไม้สิบสอง เป็นแนวคิดของช่างในสมัยอยุธยา เป็นแบบสถาปัตยกรรมของไทย ซึ่งมีวิธีย่อมุมละ ๓ หยัก ๔ มุม รวมเป็น ๑๒ ดังจะเห็นได้จากเจดีย์ภูเขาทองที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา'อยุธยา Outdoor Signature' บริเวณด้านหน้าศูนย์การค้า ที่คอยต้อนรับผู้มาเยือนด้วยTypo ตัวอักษรชื่อเมืองคำว่า "อยุธยา" ในรูปแบบ 3 มิติที่ตั้งอยู่บนพื้น ด้วยรายละเอียดบนแต่ละตัวอักษรที่ผ่านรูปแบบการลงเข็มกรองมาลัยออกมาเป็นรูปทรงของดอกไม้ชนิดต่างๆ อาทิ ดอกรัก ดอกพุดตูม ดอกมะลิ เป็นต้น ทำให้เกิดเป็นรายละเอียดที่อ่อนช้อยงดงาม มีมิติแสงและเงา ที่สร้างบรรยากาศที่แตกต่างกันไปในเวลากลางวัน และกลางคืน'ลานพระนคร' บริเวณลานด้านหน้าศูนย์การค้า ด้วยการนำเสนอพื้นที่ผ่าน Typo ตัวอักษรไทยที่ออกแบบขึ้นใหม่โดยผสานรวมเอกลักษณ์ของดอกบัวเข้ากับตัวอักษรไทย ใช้วัสดุทองเหลืองเพื่อแสดงถึงคุณค่าและสะท้อนความงดงามอันเหนือกาลเวลา เพื่อเชิดชูความเรืองรองในอดีตของอยุธยาในฐานะศูนย์รวมช่างฝีมือที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ช่างเขียน ช่างเงิน ช่างทอง ช่างแกะสลัก ช่างหล่อ ช่างปั้นดินเผา ช่างไม้ ช่างจักสาน ช่างปูน เป็นต้นประติมากรรมพานพุ่มดอกไม้: โถงทางเข้า ชั้น G เอกลักษณ์รูปทรงและลวดลายพานพุ่ม ศิลปะประณีตศิลป์ อันทรงคุณค่า นิยมใช้ในงานสักการะ หรือพระราชพิธีสมัยโบราณ ผสมผสานกับรูปทรงเรขาคณิตฟอร์มดอกบัวตูม ผสานเทคนิคสานเส้นลวดลายกลีบบัวสีทอง สื่อถึงความรุ่งเรือง โอบล้อมไปด้วยวิถีชีวิต ศิลปะประดิษฐ์ของพระนครศรีอยุธยา'อู่ข้าว' บริเวณโซนชั้น G สะท้อนเอกลักษณ์ของบ้านไม้ใต้ถุนสูงของชาวอยุธยาที่นอกจากจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่ใช้ระบายน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากแล้ว ยังใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เช่น การพักผ่อน ทำงาน เลี้ยงสัตว์ และเก็บของใช้ได้อีกด้วย เราจึงต้องการนำเสนอมุมมองใหม่ของวิถีชีวิตเหล่านี้ในบรรยากาศสนุกสนานผสมผสานงานจักสานที่มีคุณค่า ประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ ที่อยู่ในบริบทใต้ถุนบ้าน เช่น ตุ๊กตาควายผูกผ้าขาวม้า ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของอยุธยา นอกจากนั้นยังมีเกวียนซึ่งปรับรูปแบบโครงสร้างจากไม้เป็นโลหะที่เรียบง่ายร่วมกับงานจักสาน รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์รูปแบบชานไม้ และกองฟางข้าว ที่มีสีสันและลวดลายแปลกตาออกไป'อู่น้ำ' บริเวณโซนชั้น G โดดเด่นด้วยที่นั่งพักผ่อนรูปทรงสุ่มดักปลาขนาดใหญ่ เรือไม้ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งเฟอร์นิเจอร์และงานศิลปะ จัดวางร่วมกับใบบัวและปลาตะเพียน รวมทั้งชุดที่นั่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากใบบัว สะท้อนความผูกพัน วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชาวอยุธยาที่มีต่อสายน้ำตั้งแต่กำเนิด ด้วยตำแหน่งที่ตั้งของเกาะอยุธยาที่รายล้อมด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำน้อย เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของคนอยุธยา อีกทั้งยังมีลำคลองแขนงอีกมากมาย โดยได้นำเอาวิถีชีวิตในอดีตของชาวอยุธยามาจัดองค์ประกอบใหม่ ผสมผสานทั้งเรื่องราวของตลาดน้ำ การประมง พืชพรรณธรรมชาติ และงานฝีมือเข้าไว้ด้วยกัน
นอกจากนี้ ยังมีจุดถ่ายรูปทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์สวยงามทั่วทั้งศูนย์การค้า ตั้งแต่ลานด้านนอก พบกับ "ลานบัว" จุดถ่ายรูปสระบัวฝั่งถนนอโยธยา, "เพลินนคร" อินดอร์มาร์เก็ตที่นำเอาวิถีชีวิตชุมชุนพื้นถิ่นสมัยกรุงศรีอยุธยาและการจำลองบ้านเรือนไทยมาออกแบบให้เป็นตลาดโบราณ ไปจนถึง "ห้องผ้าลายอย่าง", "ห้องจานจากถ้วยชามสังคโลก", "Co-Working Space ลายเบญจรงค์", และ "ห้องโคม" เป็นต้น
เซ็นทรัล อยุธยา ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'อัศจรรย์อยุธยา' เป็นศูนย์การค้าลำดับที่ 36 ของเซ็นทรัลพัฒนา เป็นแลนด์มาร์กและจุดหมายปลายทางที่จะส่งเสริมให้ 'อยุธยาของคนไทย' เป็น สปอตไลท์ระดับโลก ยกระดับความเรืองรองของเมือง UNESCO World Heritage ให้ทั่วโลกได้รู้จัก โดยเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่ครบครันประกอบด้วย ศูนย์การค้า, Tourist Attraction, โรงแรม, ที่พักอาศัย, และคอนเวนชั่นฮอลล์ ที่จะเข้ามาเติบเต็มและยกระดับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเมือง ผสมผสานเอกลักษณ์ของการเป็นเมืองมรดกโลก, ประวัติศาสตร์, อาหาร, สินค้าพื้นถิ่น เข้ากับความโมเดิร์น บนทำเลศักยภาพเชื่อมต่อ Transportation Hub สู่ภาคเหนือและอีสาน