บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) เปิดกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัท)เพิ่มขึ้น 26 % แตะ 287 ล้านบาท ส่วน EBITDA โต 25% เดินหน้ารับรู้รายได้เต็มไตรมาส ทั้งโครงการ Leo 1 ในญี่ปุ่น ขนาดกำลังผลิต 20 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 9.9 เมกะวัตต์ ฟากซีอีโอ "วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์" ระบุว่าโค้งสุดท้ายปีนี้ผลงานสดใสต่อเนื่อง เริ่มรับรู้รายได้จากวินด์ฟาร์มเวียดนามเต็มสปีด พร้อมลุยขยายการลงทุนธรุกิจพลังงานหมุนเวียนทุกประเภท หนุนกำลังการผลิตไฟฟ้าปีนี้ทะลุเป้าหมายแล้ว พุ่งแตะระดับ 223 เมกะวัตต์ ทำผลงานออลไทม์ไฮได้อย่างต่อเนื่องสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับงวดไตรมาส 3/2564 สิ้นสุด 30 กันยายน 2564 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 764 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA เท่ากับ 560 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25%
สำหรับกำไรหลักจากการดำเนินงานจำนวน 257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราส่วนกำไรหลักจากการดำเนินงาน 33.6 % ของรายได้รวม
"ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากบริษัทฯรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 1 ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 20 เมกะวัตต์ โดยได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์(COD) ไปในช่วงปลายเดือนเดือนกรกฎาคม 2564 รวมทั้งรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลกำลังผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นการรับรู้ได้เต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก ขณะที่รับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมอยู่ที่ระดับ 223 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถทำได้ดีกว่าที่เคยตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับ 200 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปีนี้" นายวรุตม์กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า โค้งสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯบริษัทฯมั่นใจว่าผลงานจะยังเติบโตได้ดี เนื่องจากจะเริ่มรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีกำลังการติดตั้ง 48 เมกกะวัตต์ เข้าระบบเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่บริษัทฯมีแผนจะพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม เวียดนามในเฟส 2 ขนาดกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ เพื่อต่อยอดธุรกิจด้านพลังงานลม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนทำการศึกษาและเตรียมพัฒนาโครงการต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกประเภท เพื่อผลักดันให้การมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือทะลุเป้าหมายที่ระดับ 400 เมกะวัตต์ภายในปี 2567 โดยล่าสุดบริษัทฯบริษัทฯได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ของบริษัท โนวา เอมไพร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOVA จำนวน 16,430,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 9.64 % ของหุ้นทั้งหมดในราคาหุ้นละ 10.35 บาท มีมูลค่ารวม 170,050,500 บาท ซึ่ง NOVA เป็นบริษัทที่มีการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย แบ่งเป็นการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิต 44.85 เมกะวัตต์ ในสัดส่วน 26.25% และลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา กำลังการผลิต 7.825 เมกะวัตต์ ในสัดส่วน 100%
อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าการลงทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯมีพันธมิตรสนับสนุนการต่อยอดธุรกิจพลังงานทดแทน ผ่านการถือสิทธิในการเข้าร่วมลงทุนในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 25% สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ NOVA จะได้มาในอนาคตโดยเฉพาะโครงการในประเทศที่อยู่ในเขตภูมิภาคอาเซียน
รวมทั้งยังมีแผนการดำเนินงานในอนาคตเตรียมจะขยายการลงทุน Solar Rooftop ในประเทศอินโดนีเซีย โดยคาดว่าภายในปี 2565 จะ COD ประมาณ 17 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 2 ในประเทศญี่ปุ่นขนาด 17 เมกะวัตต์ โดยอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาโครงการ และคาดว่าจะ COD ได้ในปี 2566 ต่อไป