'AQUA' รับโควิด-19 และ Digital Disruption กระทบธุรกิจ รายได้ลดลง 63 % กำไรลดลง 92%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 15, 2021 10:44 —ThaiPR.net

'AQUA' รับโควิด-19 และ Digital Disruption กระทบธุรกิจ รายได้ลดลง 63 % กำไรลดลง 92%

บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ "AQUA" รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทประจำไตรมาสที่ 3/2564 โดยมีรายได้รวมจากการประกอบธุรกิจและการลงทุนจำนวน 210.21 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 359.79 ล้านบาท หรือลดลง 63% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 28.28 ล้านบาท ลดลงถึง 92% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่กำไรสุทธิ 362.94 ล้านบาท เป็นผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีเป็นต้นมา

บริษัท AQUA ประกอบธุรกิจหลักคือลงทุนในธุรกิจที่ทำรายได้อย่างสม่ำเสมอแบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจได้แก่ 1.) ธุรกิจพลังงาน 2.) สื่อโฆษณาภายนอกที่อยู่อาศัย (Out of Home Media) และ 3.) อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าและบริการ โดยตั้งแต่ปี 2563 บริษัทได้ปรับแผนในการดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาของกลุ่มบริษัท ให้บริษัทฯ เป็นผู้บริหารการขายและจัดการสื่อโฆษณาทั้งหมด ภายใต้แบรนด์ "AQUA" รวมถึงการปรับโครงสร้างการบริหารด้านต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจดังกล่าว

ด้วยทุกธุรกิจของบริษัทต้องพึ่งพากิจกรรมทางสังคมเป็นหลัก ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ขยายวงกว้างขึ้นอย่างต่อเนื่องและมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจมีผลกระทบต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ สถานการณ์ดังกล่าวนำมาซึ่งความไม่แน่นอนและผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของการดำเนินธุรกิจเช่น ธุรกิจสื่อนอกบ้านที่กลุ่มลูกค้าระงับหรือตัดค่าใช้จ่ายเพื่อการประชาสัมพันธ์ออกทำให้บริษัทมีรายได้จากงานขายโฆษณาน้อยลง ไม่เป็นไปตามคาดแม้จะปรับตัวสู่แพลตฟอร์มโฆษณารูปแบบใหม่ๆเพื่อดึงดูดความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภค

ในขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าและบริการ แม้จะมีจำนวนลูกค้าหรือผู้เช่าอยู่ในมือตามเดิม หากแต่บริษัทต้องปรับลดอัตราค่าเช่าของ warehouse ลงตามมาตรการผ่อนปรนช่วยเหลือผู้เช่า ซึ่งทำให้รับรู้รายได้จากการให้เช่าและบริการลดลง

บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในธุรกิจพลังงานที่ลงทุนผ่าน บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP น้อยลงในไตรมาสที่ 3/2564 คิดเป็นส่วนแบ่งกำไร 47.06 ล้านบาท ลดลง 87% เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งสาเหตุหลักมาจาก ธุรกิจพลังงาน มีรายได้ลดลงจากการจำหน่ายโครงการผลิตไฟฟ้าไปหลายโครงการในปี 2563 และมีการบันทึกผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น แต่บริษัทยังมองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและให้ผลตอบแทนที่ดีได้แก่ทั้งกลุ่มในระยะยาว

ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ได้เฝ้าติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์โดยรวมและประเมินผลกระทบต่อการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์ในประเทศเริ่มคลี่คลายลงและยกเลิกมาตราการล็อคดาวน์แล้ว แต่บริษัทจะยังคงเฝ้าระวังและวางแผนการบริหารธุรกิจให้รัดกุมมากขึ้นรวมถึงหาโอกาสสร้างหรือปรับตัวให้แก่องค์กรอย่างเหมาะสมเพื่อเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ