ราช กรุ๊ป กำไร 5,649 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% ใน 9 เดือนแรกของปี เดินหน้าลงทุนโรงไฟฟ้า 2 แห่ง กำลังผลิตรวม 1,054 เมกะวัตต์ หวังรับรู้รายได้ทันทีและต่อยอดธุรกิจในอนาคต

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 16, 2021 09:44 —ThaiPR.net

ราช กรุ๊ป กำไร 5,649 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% ใน 9 เดือนแรกของปี เดินหน้าลงทุนโรงไฟฟ้า 2 แห่ง กำลังผลิตรวม 1,054 เมกะวัตต์ หวังรับรู้รายได้ทันทีและต่อยอดธุรกิจในอนาคต

บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวม 5,648.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยที่ผลักดันผลประกอบการในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้การจำหน่ายไฟฟ้ากลุ่มโรงไฟฟ้าในออสเตรเลียและส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมทุน ขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายปรับตัวลดลง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความก้าวหน้าในการเข้าลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 2 แห่ง กำลังการผลิตรวม 1,054 เมกะวัตต์ และเมื่อธุรกรรมการลงทุนเสร็จสมบูรณ์ จะทำให้กระแสเงินสดของบริษัทฯ มั่นคงและแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังได้มีการลงทุนในธุรกิจบริการสุขภาพในประเทศไทยและสปป. ลาว มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 1,700 ล้านบาท อีกทั้งยังมีการลงทุนในบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมไฟฟ้าและพลังงาน ร่วมกับกลุ่มการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การดำเนินงานที่ผ่านมามีความก้าวหน้าตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ทั้งผลประกอบการที่มีผลกำไรเพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ และการลงทุนเพิ่มกำลังผลิตใหม่ก็มีแนวโน้มดีกว่าเป้าหมาย 8,874 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะรับรู้กำลังผลิตประมาณ 1,054 เมกะวัตต์ ซึ่งทำให้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นเป็น 9,346.35 เมกะวัตต์ ทั้งนี้เป็นผลจากการเข้าซื้อหุ้น 45.515% จากบริษัท PT Paiton Energy ที่ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้า 2 แห่ง กำลังผลิตรวม 2,045 เมกะวัตต์ ซึ่งที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา ให้ความเห็นชอบแล้ว และการซื้อหุ้นสามัญและหุ้นเพิ่มทุนของ บมจ. สหโคเจน (ชลบุรี) สัดส่วน 51% ซึ่งดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าเอสพีพีระบบโคเจนเนอเรชั่น กำลังผลิตรวม 214 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าชีวมวล 2 แห่ง กำลังผลิตรวม 17.10 เมกะวัตต์ รวมทั้งธุรกิจโซลาร์รูฟด้วย ทั้งสอง ธุรกรรมคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาส 1 ปี 2565 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนลงทุนโครงการพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้

"บริษัทฯ มุ่งเน้นการลงทุนด้วยวิธีเข้าซื้อหุ้นกิจการที่ดำเนินงานแล้วเพื่อให้รับรู้รายได้ทันที และยังสานต่อความเป็นพันธมิตรในการต่อยอดการลงทุนที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มด้วย นอกจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าแล้ว บริษัทฯ ยังมีการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เพิ่มขึ้นจนถึงปัจจุบันมีมูลค่าลงทุนรวมทั้งสิ้น 11,689 ล้านบาท โดยการลงทุนในปีนี้ ประกอบด้วย การเข้าซื้อหุ้นบมจ. บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ โครงการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพอัดแท่ง ในสปป.ลาว การเข้าซื้อหุ้นบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ และบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมไฟฟ้าและพลังงาน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดสัดส่วนการลงทุนธุรกิจระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานและอื่นๆ ไว้ 20% ซึ่งจะเข้ามาช่วยผลักดันมูลค่ากิจการของบริษัทฯ ให้บรรลุเป้าหมาย 200,000 ล้านบาท ภายในปี 2568" นางสาวชูศรี กล่าว

สำหรับภาพรวมธุรกิจผลิตไฟฟ้า บริษัทฯ รับรู้กำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการผลิตจากโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก รวม 6,874.14 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วน 84% และกำลังโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน รวม 1,305.21 เมกะวัตต์ คิดเป็นสัดส่วน 16% ในปีนี้ บริษัทฯ จะรับรู้กำลังการผลิตเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นเป็น 7,321.44 เมกะวัตต์ ซึ่งมาจากโรงไฟฟ้าสหโคเจน ที่รับรู้กำลังการผลิตจากการลงทุนรวม 123.33 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียว อินโดนีเซีย กำลังผลิต 145.15 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำหนดเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าปลายปีนี้

ผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรกปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 29,824.13 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้จากการขายและบริการและรายได้ตามสัญญาเช่าการเงินของโรงไฟฟ้าที่บริษัทฯ ควบคุมจำนวน 24,931.08 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 83.59% ส่วนแบ่งกำไรของกิจการร่วมทุนและเงินปันผล จำนวน 4,318.05 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 14.48% และรายได้จากดอกเบี้ยและอื่นๆ จำนวน 575 ล้านบาท สำหรับกำไรสำหรับงวด 9 เดือน มีจำนวน 5,648.81 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 3.90 บาท

ฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 126,765.41 ล้านบาท หนี้สินจำนวน58,674.03 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 68,091.38 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.59 เท่า อัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ (DSCR) 4.81 เท่า และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น 11.69%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ