"จี แคปปิตอล" ปักธงธุรกิจการเกษตร ตอกย้ำเกษตรยังเป็นธุรกิจหลัก โดยเน้นให้ความสำคัญในการให้บริการสินเชื่อที่บริษัทมีความชำนาญโดยเฉพาะในภาคการเกษตรมากขึ้น เริ่มเห็นเทรนด์หนุ่มสาวมีความรู้ หันกลับภูมิลำเนา หาโอกาสทำธุรกิจต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิต พร้อมเจรจาพันธมิตรใหม่เข้ามาเสริมทัพธุรกิจ ชี้รัฐเปิดประเทศส่งผลดีต่อภาคธุรกิจ
นายอนุวัตร โกศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP กล่าวถึง ภาพรวมของธุรกิจการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร สินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงสินเชื่อประเภทอื่นๆ ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า ผลกระทบภาพรวมทั้งในเรื่องยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ลดลง รวมถึงมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการพักชำระหนี้ หรือการขยายเวลาในการผ่อนชำระ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของบริษัท ส่วนสถานการณ์น้ำท่วม ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
"ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ GCAP หันกลับมาให้ความสำคัญต่อเรื่องการให้บริการในสินเชื่อที่บริษัทมีความชำนาญโดยเฉพาะในภาคการเกษตรมากขึ้น รวมทั้งการพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบในด้านอื่นๆที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าธุรกิจภาคการเกษตรยังเป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจ และยังมีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับอีกหลายภาคธุรกิจ เห็นได้จากผลกระทบที่เกิดขึ้น แม้ว่าปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจ แต่ภาคการเกษตรก็ถือว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบทางตรง เนื่องจากผู้คนยังมีความจำเป็นในเรื่องการบริโภค" นายอนุวัตรกล่าว
โดยการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ กลุ่มเกษตรกรจะยังเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท สัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อส่วนบุคคลในปัจจุบัน อยู่ในระดับร้อยละ 74 และ 26 ตามลำดับ
นอกจากนี้ บริษัทฯยังให้ความสำคัญในเรื่องของการบริหารต้นทุน การคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยในไตรมาส 3/2564 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทลดลง 3.13% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิ 1.61 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้ที่ลดลงจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นซึ่งส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อใหม่ลดลง โดยบริษัทฯมีรายได้อยู่ที่ 64.39 ล้านบาท ลดลง 8.10 ล้านบาท หรือ 11.18.% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 72.50 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังมองหาโอกาสใหม่ๆทางธุรกิจในสถานการณ์ที่แม้ว่าจะเป็นภาวะวิกฤตอย่างในปัจจุบัน โดยก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้ศึกษารูปแบบการสร้างรายได้ในด้านอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างสมดุลของโครงสร้างรายได้ให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการเปิดรับพันธมิตรใหม่ที่สนใจจะเข้าร่วมทำธุรกิจในรูปแบบต่างๆ
ที่ผ่านมา บริษัทฯได้ทำการศึกษาร่วมกับกลุ่มผู้ที่สนใจเข้าร่วมเป็นพันธมิตร โดยล่าสุดได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) กับกลุ่มพันธมิตรเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างสนามบินที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพราะบริษัทเล็งเห็นว่าเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับสู่สภาวะปกติ ภาคการท่องเที่ยวจะเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างโอกาสให้อย่างมาก เพราะการท่องเที่ยวในประเทศไทยยังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องทั้งจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกและจากคนไทย
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่รัฐบาลประกาศเปิดประเทศ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว รวมถึงโครงการธุรกิจใหม่ ซึ่งบริษัทกำลังศึกษาความเป็นไปได้และเตรียมการอยู่ ทั้งนี้ บริษัทฯได้เตรียมขยายบริการสินเชื่อเช่าซื้อ ให้ครอบคลุมกลุ่มตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างความสมดุลให้กับโครงสร้างรายได้ของบริษัทในอนาคต