บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) (TMILL) โรงงานโม่แป้งสาลีรายใหญ่และมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในประเทศ รายงานผลประกอบการไตรมาส3/64 มีกำไรสุทธิ 22.48 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น 1.6% ตามราคาจำหน่ายรำเฉลี่ยสูงขึ้น ขณะที่งวด 9 เดือนแรกของปี2564 มีกำไรสุทธิ 103.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.0% YoY เหตุรายได้จากการจำหน่ายเพิ่มขึ้น 3.2% ระบุอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ย 9 เดือนของปี 64 อยู่ที่ 73.47% ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน
นางแววตา กุลโชตธาดา รองผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน)TMILL เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิ 22.48 ล้านบาท ลดลง 2.95 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.6% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3/2563 ที่มีกำไรสุทธิ 25.43 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการจำหน่ายในไตรมาส 3/2564 ลดลง 5.1% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยที่รายได้จากการจำหน่ายแป้งสาลีลดลง 6.0% ส่วนรายได้จากการจำหน่ายรำข้าวสาลีเพิ่มขึ้น 0.9% เป็นผลมาจากปริมาณจำหน่ายแป้งสาลีและรำข้าวสาลีลดลง 7.8% และ 9.3% แต่ราคาจำหน่ายแป้งสาลี และรำข้าวสาลีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.6% และ 17.2% ซึ่งราคาเฉลี่ยรำที่ปรับสูงขึ้นมาก ส่งผลให้รายได้จากการจำหน่ายรำสูงขึ้น ถึงแม้ปริมาณจำหน่ายรำจะลดลง
อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/2564 สูงขึ้น 1.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากราคาจำหน่ายรำเฉลี่ยที่สูงขึ้น ส่วนการใช้อัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยในไตรมาส 3/2564 อยู่ที่ 65.79% ลดลง 5.65% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากการปรับกลยุทธในการบริหารจัดการวัตถุดิบ ซึ่งราคาปรับตัวสูงขึ้นมาก และมีการปรับแผนการตลาดช่วงครึ่งปีหลังให้เกิดประโยชน์กับบริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียสูงสุด
ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตรมาส 3/2564 เพิ่มขึ้น 5.58 ล้านบาทจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าขนส่งสินค้า ค่าส่งเสริมการขาย เงินบริจาคและตอบแทนสังคม เงินเดือนและสวัสดิการของพนักงาน ที่เพิ่มขึ้น
สำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 103.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.09 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.0%เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีผลกำไรสุทธิ 92.67 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่ายรวม 9 เดือนของปี 2564 เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยที่รายได้จากการจำหน่ายแป้งสาลีเพิ่มขึ้น 0.3% และรายได้จากการจำหน่ายรำข้าวสาลีเพิ่มขึ้น 2.8% ทั้งนี้ มาจากปริมาณจำหน่ายแป้งสาลีและรำข้าวสาลีเพิ่มขึ้น 0.7% และ 2.0% แต่ราคาจำหน่ายแป้งสาลีเฉลี่ยลดลง 0.1% ส่วนราคาจำหน่ายรำข้าวสาลีเฉลี่ยสูงขึ้น 18.2%
นางแววตา กล่าวเพิ่มเติมว่า อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น 2.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากราคาจำหน่ายรำเฉลี่ยที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ การใช้อัตรากำลังการผลิตเฉลี่ย 9 เดือนของปี 2564 อยู่ที่ 73.47% ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 72.99% เนื่องมาจากการปรับกลยุทธในการบริหารจัดการวัตถุดิบ และปรับแผนการตลาดช่วงครึ่งปีหลัง โดยปรับลดปริมาณจำหน่ายลง เพื่อให้การดำเนินธุรกิจยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในสถานการณ์ที่ราคาวัตถุดิบสูงสุดในรอบ 10 ปีเช่นปัจจุบัน
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวม 9 เดือนของปี 2564 เพิ่มขึ้น 21.20 ล้านบาทจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าขนส่งสินค้า ค่าส่งเสริมการขาย เงินบริจาคและตอบแทนสังคม เงินเดือนและสวัสดิการของพนักงาน ค่าซ่อมแซมบำรุงรักษาทั่วไป และหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้น