เสียวหมี่ คอร์เปอเรชัน ("เสียวหมี่" หรือ "กลุ่มธุรกิจ"; Stock Code:1810) บริษัทด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะด้วยการเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เผยผลการดำเนินงานก่อนตรวจสอบในช่วงสามเดือนและหกเดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2564
ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 รายรับรวมของเสียวหมี่อยู่ที่ 78.1 พันล้านหยวน เติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 8.2% และมีกำไรสุทธิหลังการปรับปรุงประจำไตรมาสอยู่ที่ 5.2 พันล้านหยวน เติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 25.4% โดยสิ่งแวดล้อมทางตลาดระดับมหภาคของโลก รวมถึงมุมมองของตลาดที่มีต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศจีนประจำไตรมาสที่ 3 ส่งผลโดยตรงต่อการวัดผลแผนการลงทุนระยะยาวของเสียวหมี่ที่ในปัจจุบันนี้มีทั้งผลกำไรและขาดทุน โดยตัวเลขการรับรู้การขาดทุนอย่างไม่เป็นทางการส่งผลต่อกำไรสุทธิของเสียวหมี่อย่างมาก อย่างไรก็ตาม ศักยภาพในการทำกำไรในธุรกิจหลักของเสียวหมี่ยังคงมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างสม่ำเสมอ โมเดลธุรกิจอันเยี่ยมยอดของเสียวหมี่รวมถึงการดำเนินงานทำให้บริษัทมีรายได้รวมและกำไรสุทธิหลังการปรับปรุงเติบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนของ MIUI ทั่วโลกเพิ่มสูงเกินกว่า 500 ล้านราย จากข้อมูล ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งตัวเลขนี้ถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของกลยุทธ์ "Smartphone x AIoT" ของเสียวหมี่
ตัวเลขไฮไลต์ของช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 มีดังนี้
- รายได้รวมอยู่ที่ 78.06 พันล้านหยวน เติบโต 8.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 14.29 พันล้านหยวน เติบโตขึ้น 40.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- กำไรหลังการปรับปรุง อยู่ที่ 5.18 พันล้านหยวน เติบโตขึ้น 25.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เสียวหมี่ กล่าวว่า "ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 เสียวหมี่ยังคงเดินหน้าเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์หลัก "Smartphone ? AIoT" และรุกหน้าเข้าสู่ตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม เสียวหมี่ครองอันดับ 1 ของยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนใน 11 ประเทศและภูมิภาค และเดินหน้าศึกษาและสรรสร้างนวัตกรรมทั้งด้านผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันในตลาดพรีเมียม รายรับจากการให้บริการอินเทอร์เน็ตในไตรมาสนี้สร้างสถิติใหม่และเสียวหมี่มุ่งมั่นลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาที่จะส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ของเรา" นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนของ MIUI ทั่วโลกเพิ่มสูงเกินกว่า 500 ล้านราย จากข้อมูล ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งตัวเลขนี้ถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของกลยุทธ์ "Smartphone x AIoT" ของเสียวหมี่
สรุปผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3
รายได้จากการให้บริการอินเทอร์เน็ตรายไตรมาสเพิ่มขึ้นสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
ในไตรมาสที่ 3 ศักยภาพในการทำกำไรของเสียวหมี่ยังคงแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากรายรับจากการให้บริการอินเทอร์เน็ตสูงกว่า 7.3 พันล้านหยวนซึ่งถือเป็นสถิติใหม่รายไตรมาส เติบโตขึ้น 27.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ผลกำไรขั้นต้นของธุรกิจด้านบริการอินเทอร์เน็ตนั้นอยู่ที่ 73.6 % สูงขึ้นกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 13.1 %
ในขณะเดียวกัน ฐานผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตของเสียวหมี่ทั่วโลกยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในไตรมาสที่ 3 โดยจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนของ MIUI ทั่วโลก สูงเกินกว่า 500 ล้านผู้ใช้เป็นครั้งแรก จากข้อมูล ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งตัวเลขนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการขยายตลาดตัวโลกของเสียวหมี่ ในเดือนกันยายน 2564 จำนวนผู้ใช้รายเดือนของ MIUI เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือคิดเป็น 485.9 ล้านผู้ใช้ โดยเป็นผู้ใช้งานจากประเทศจีน 127.3 ล้านราย สูงขึ้นจากปีก่อนหน้า 16.4% โดยเพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน ในเดือนกันยายน 2564 จำนวนผู้ใช้รายเดือนของเสียวหมี่สมาร์ททีวีทั่วโลกและเสียวหมี่บ็อกซ์ (Xiaomi Box) ขยายตัวขึ้นถึง 33% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 จำนวนผู้ใช้บริการแบบเสียค่าสมาชิกอยู่ที่ 4.7 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 13.5%
ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 รายรับจากธุรกิจโฆษณาของเสียวหมี่อยู่ที่ 4.8 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 44.7% เป็นผลมาจากฐานผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงจำนวนผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมที่เพิ่มขึ้น และศักยภาพของกลุ่มบริษัทเสียวหมี่ในการสร้างรายได้ที่สูงขึ้น เสียวหมี่มีรายรับจากธุรกิจเกมอยู่ที่ 1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 25% จากการนำเสนอเกมคุณภาพสูง อีกทั้งรายได้เฉลี่ยจากเกมต่อผู้ใช้ (ARPU) จากกลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมและเกมมิ่งสมาร์ทโฟนสูงขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 รายได้ของกลุ่มบริษัทฯ จากบริการอื่นๆ คิดเป็น 1.6 พันล้านหยวน โดยไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 Youpin แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเครือเสียวหมี่ได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่ Life Element โดดเด่นด้วยผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวันคุณภาพสูงมากมายในราคาที่จับต้องได้ และในเดือนพฤศจิกายนนี้ Youpin ยังเปิดตัว UP ระบบการจ่ายค่าบริการสมาชิกที่จะยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ของผู้ใช้อีกด้วย
ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 นี้ รายรับจากบริการอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศของเสียวหมี่เพิ่มขึ้น 110% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าอยู่ที่ 1.5 พันล้านหยวน หรือคิดเป็น 19.9% ของรายรับจากธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตทั้งหมด โดยถือเป็นสถิตรายไตรมาสใหม่ ในอนาคต กลุ่มบริษัทฯ จะขยายและสร้างความร่วมมือใหม่ๆ กับพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกและนำเสนอบริการใหม่ๆ สู่ตลาดต่างประเทศ
เสียวหมี่ยังให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อเสริมขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ กลุ่มบริษัทฯ ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนากว่า 9.3 พันล้านหยวนใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 51.4 % ในเดือนกันยายน 2564 เสียวหมี่เปิดตัว Xiaomi Smart Glasses แว่นอัจฉริยะที่มีหน้าจอแสดงข้อมูลและคุณสมบัติอินเตอร์แอคทีฟมากมาย ในเดือนพฤศจิกายน 2564 เสียวหมี่เปิดตัวเทคโนโลยี Loop LiquidCool Technology ที่ช่วยระบายความร้อนสมาร์ทโฟนขณะใช้งานหนักได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 แผนกวิจัยและพัฒนาของเสียวหมี่มีพนักงานรวมทั้งหมด 13,919 คน หรือคิดเป็น 44% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด
รายได้จากตลาดต่างประเทศสูงขึ้นจากยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนที่สูงเป็นอันดับ 1 ใน 11 ประเทศและภูมิภาค
รายได้จากตลาดต่างประเทศของเสียวหมี่เพิ่มสูงขึ้นเป็น 40.9 พันล้านหยวนในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 คิดเป็น 52.4% ของรายได้ทั้งหมด แม้จะประสบปัญหาการขาดแคลนส่วนประกอบที่สำคัญ เสียวหมี่ยังรักษาตำแหน่งผู้นำในแต่ละประเทศด้วยการจัดสรรและกระจายทรัพยากรในตลาดโลก รวมถึงการส่งเสริมช่องทางการขายให้เหมาะสมกับเงื่อนไขต่างๆ ของแต่ละประเทศ จากการรายงานของ Canalys พบว่า เสียวหมี่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสมาร์ทโฟนเป็นอันดับ 1 ใน 11 ประเทศและภูมิภาค และยังเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟน 5 อันดับแรกใน 59 ประเทศและภูมิภาคอีกด้วย
เสียวหมี่ยังคงเดินหน้าสร้างการรับรู้ในตลาดโลกอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 จากการรายงานของ Canalys ระบุว่า เสียวหมี่เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 2 ของยุโรปในไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2564 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 21.5% ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก สมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ได้รับส่วนแบ่งการตลาด 17% และเป็นแบรนด์ 3 อันดับแรกเมื่อคิดจากยอดจัดส่ง สมาร์ทโฟนในภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก เสียวหมี่เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 2 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 28.7% ในไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2564 เสียวหมี่จำหน่ายสมาร์ทโฟนไปกว่า 6.8 ล้านเครื่องผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายในตลาดต่างประเทศ โดยไม่รวมประเทศอินเดีย เติบโตขึ้นกว่า 130% จากปีก่อนหน้า จากการรายงานของ Canalys กล่าวว่า ส่วนแบ่งทางการตลาดของสมาร์ทโฟนเสียวหมี่ในยุโรปตะวันตกผ่านช่องทางผู้ให้บริการเครือข่ายเพิ่มขึ้นจาก 4.6% ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 สู่ 13% ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564
ในขณะเดียวกัน เสียวหมี่ยังคงเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของแบรนด์ในตลาดเกิดใหม่ รายงานของ Canalys ระบุว่า ในไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2564 ส่วนแบ่งทางการตลาดของเสียวหมี่ในภูมิภาคละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเพิ่มขึ้นเป็น 11.5%, 16.3% และ 7.3% ตามลำดับ นอกจากนี้เสียวหมี่ครองตำแหน่งผู้นำสมาร์ทโฟนในประเทศอินเดีย เมื่อพิจารณาจากยอดจัดส่งเป็นไตรมาสที่ 16 ติดต่อกัน
ยอดส่งมอบสมาร์ทโฟนไตรมาส 3 เติบโต ครองตำแหน่งอันดับ 3 ของโลก พร้อมรุกตลาดพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง
ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 แม้ว่าจะเกิดวิกฤตขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิตทั่วโลก กลุ่มบริษัทฯ ยังสามารถส่งมอบสมาร์ทโฟนกว่า 43.9 ล้านเครื่องทั่วโลก รายงานของ Canalys ระบุว่า ยอดส่งมอบสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในไตรมาสที่ 3 ครองอันดับ 3 ของโลกโดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 13.5% โดยมีรายได้จากการขายสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 47.8 พันล้านหยวน และมีกำไรขั้นต้นที่ 12.8% นับว่าเติบโตขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เสียวหมี่ได้ขยายฐานลูกค้าจากการใช้กลยุทธ์แบ่งกลุ่มตลาดและการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยจะเห็นได้จากยอดผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดตัวเหล่าสมาร์ทโฟนในปีนี้ ผู้ใช้งานเกินกว่าครึ่งคือลูกค้าใหม่ นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนตระกูลน้องใหม่อย่าง ซีวี่ (Xiaomi Civi Series) ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากบรรดาเสียวหมี่แฟน
ในช่วง 3 ไตรมาสแรกที่ผ่านมาของปี 2564 ยอดส่งมอบสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ที่มีราคา 3,000 หยวนหรือมากกว่าในประเทศจีน และสินค้าที่มีราคา 300 ยูโรหรือเทียบเท่าในตลาดต่างประเทศนั้นอยู่ที่ประมาณ 18 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็น 12% ของยอดส่งมอบทั้งหมด โดยในไตรมาสที่ 3 สำหรับตลาดต่างประเทศ ยอดส่งมอบสมาร์ทโฟนกลุ่มราคาตั้งแต่ 300 ยูโรขึ้นไปหรือเทียบเท่านั้นเติบโตขึ้น 180% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดหลักคือละตินอเมริกา ยุโรปตะวันตก และตะวันออกกลาง
ในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งวันคนโสดในเดือนพฤศจิกายน ยอดขายรวมของสมาร์ทโฟน Xiaomi และ Redmi ยังได้ขึ้นครองอันดับ 1 บนเว็บไซต์ Tmall.com, JD.com และ Suning.com นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนกลุ่มพรีเมียมของกลุ่มบริษัทฯ ยังมียอดขายเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่มีราคาตั้งแต่ 4,000 หยวนขึ้นไป บนเว็บไซต์ Tmall.com และ JD.com ยิ่งไปกว่านั้น ยอดขายสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ผ่านช่องทางออฟไลน์ในช่วงเทศกาลชอปปิ้งวันคนโสดนั้น ยังเพิ่มขึ้นกว่า 110% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สานต่อกลยุทธ์ "Smartphone x AIoT" พร้อมทะยานขึ้นสู่การเติบโตในช่องทางค้าปลีก
รายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ของเสียวหมี่ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 อยู่ที่ 20.9 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น15.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยิ่งไปกว่านั้น รายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เดียวกันในตลาดต่างประเทศนั้น ยังสูงเป็นประวัติการแม้ทั่วโลกจะเผชิญกับปัญหาการขนส่งทางเรือในไตรมาสนี้
ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ แม้ยอดจำหน่ายทีวีทั่วโลกจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ยอดส่งมอบสมาร์ททีวีของเสียวหมี่สูงถึง 3 ล้านเครื่อง โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 19.5% จากการรายงานของ All View Cloud ("AVC") ระบุว่า ยอดส่งมอบทีวีของเสียวหมี่ในประเทศจีน ครองอันดับ 1 อย่างต่อเนื่องถึง 11 ไตรมาสติดต่อกัน และยังติดอันดับ 1 ใน 5 แบรนด์ทีวีของโลกในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 อีกด้วย
นอกเหนือไปจากนี้ เสียวหมี่ยังขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้สมาร์ทโฮมระดับพรีเมียมเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกสบายและมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 เสียวหมี่ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมมากมายซึ่งรวมถึงตู้เย็นอัจฉริยะ 4 ประตู ความจุ 550 ลิตร และเครื่องซักผ้าขนาดเล็ก ตลอดจนเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะของเสียวหมี่ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งวันคนโสด ยอดจำหน่ายรวมสินค้าสมาร์ทโฮมของเสียวหมี่สูงเป็นอันดับ 3 ของเว็บไซต์ JD.com
เสียวหมี่ยังขยายแพลตฟอร์ม AIoT อย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 เสียวหมี่มีจำนวนอุปกรณ์ AIoT ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม (ไม่รวมสมาร์ทโฟน แทบเล็ต และคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป) เกินกว่า 400 ล้านเครื่องเป็นครั้งแรก และมีจำนวนผู้ใช้งานที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ AIoT ของเสียวหมี่ 5 เครื่องหรือมากกว่านั้นขึ้นไป บทแพลตฟอร์มทะลุ 8 ล้านคน
ในปีนี้ เสียวหมี่ยังเร่งขยายช่องทางค้าปลีกออฟไลน์ ในขณะเดียวกันก็สร้างความแข็งแกร่งให้กับช่องทางในการขายออนไลน์ไปพร้อมๆกัน เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาด และ ณ วันที่ข่าวนี้ถูกตีพิมพ์ เสียวหมี่มีร้านค้ามากกว่า 10,000 สาขาในประเทศจีน และยังพร้อมที่จะแผ่ขยายไปสู่ตลาดอื่นๆ ที่มีอัตราการเข้าถึงยากเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าในประเทศจีนได้มากขึ้นอีกด้วย