ชาวประมงผู้ริเริ่มแคมเปญนำรายชื่อผู้บริโภค 12,602 รายที่ร่วมลงชื่อผ่านเว็บไซต์ Change มอบ 8 ซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ ประกอบด้วย โลตัส แม็คโคร ซีพีเฟรชมาร์ท บิ๊กซีท็อปส์ ฟู๊ดแลนด์ กูร์เมต์ วิลล่ามาร์เก็ต เพื่อเรียกร้องให้เลิกขายสัตว์ทะเลวัยอ่อน พร้อมย้ำให้เห็นถึงวิกฤตอาหารทะเลที่กำลังจะ #หมดแล้วจริงๆ
ธันวา เทศแย้ม และ กิตติเดช เทศแย้ม เยาวชนตัวแทนสมาคมประมงพื้นบ้านทุ่งน้อย ต.เขาแดง อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชาวประมงผู้ริเริ่มแคมเปญ "ซูเปอร์มาร์เก็ต: เลิกขายสัตว์น้ำที่ยังไม่โตเต็มวัย เพราะอาหารทะเลกำลังจะ #หมดแล้วจริงๆ" พร้อมตัวแทนสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทยกว่า 40 คน เดินทางไปยื่นรายชื่อผู้บริโภคเพื่อเรียกร้องให้ 8 ซูเปอร์มาร์เก็ต เลิกขายสัตว์น้ำวัยอ่อน ถ้าซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีอยู่ทั่วประเทศรวมกันหลายพันสาขาเลิกขาย ก็จะช่วยตัดตอนวงจรระหว่างคนจับและคนซื้อไปได้มหาศาล
แคมเปญ "ซูเปอร์มาร์เก็ต: เลิกขายสัตว์น้ำที่ยังไม่โตเต็มวัย เพราะอาหารทะเลกำลังจะ #หมดแล้วจริงๆ" เป็นการรณรงค์ของชาวประมงเพื่อขอคนละชื่อจากผู้บริโภค ให้ช่วยกันส่งเสียงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ต อันประกอบด้วยโลตัส แม็คโคร ซีพีเฟรชมาร์ท บิ๊กซี ท็อปส์ ฟู๊ดแลนด์ กูร์เมต์ และวิลล่ามาร์เก็ต ว่าเลิกขายสัตว์น้ำวัยอ่อนซะที ซึ่งการรณรงค์เพื่อลดการจำหน่ายหรือบริโภคสัตว์น้ำที่ไม่ได้ขนาดจะช่วยให้ทรัพยากรทางทะเลมีความสมบูรณ์มากขึ้น จนถึงระดับที่มีความยั่งยืนทางชีวภาพ และนำไปสู่ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจในอนาคต
ธันวา เทศแย้ม หนึ่งในผู้ริเริ่มแคมเปญตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันคนไทยหันมากินตัวอ่อนของสัตว์น้ำ ซึ่งตัวเล็กไม่ได้ขนาด อย่างหมึกกระตอย ปลาข้าวสาร ปลาสายไหม จาระเม็ดเด็ก หรือปูไข่ ที่มีวางขายกันทั่วไป ผู้บริโภคต่างพากันซื้อโดยไม่ว่ากำลังทุบตู้กับข้าวและความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรที่คนไทยทุกคนเป็นเจ้าของ และกำลังตัดวงจรการขยายพันธุ์ ทำให้อาหารในทะเลไทยหายไปเรื่อยๆ
"ผมเป็นชาวประมงมาเกือบสิบปีแล้ว อาชีพนี้ส่งจากรุ่นสู่รุ่น แม้จะไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่ต้องกลัวอด แต่หลายปีมานี้ทำให้กังวลว่าจะต้องเปลี่ยนอาชีพ อาหารในทะเลไทยหายไปเรื่อยๆ จับอะไรก็ไม่ค่อยได้ หมึกกับปลาทูที่เคยราคาถูก คนไม่รวยก็ซื้อกินได้ ตอนนี้ราคาแพงหมดแล้ว เพราะต้องส่งมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ผู้บริโภคก็หาอาหารทะเลดีๆ กินยากขึ้น เพราะกำลังจะหมดทะเลแล้วจริงๆ"
กิตติเดช เทศแย้ม อีกหนึ่งในผู้ริเริ่มแคมเปญเสริมว่า การเรียกร้องครั้งนี้เราเน้นไปยังกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ต เพราะเมื่อเราเดินเข้าไปในซูเปอร์จะพบว่า มีการขายสัตว์น้ำวัยอ่อนอย่างกว้างขวาง และการกระจายสินค้าไปทั่วประเทศ นับว่าเป็นตลาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดสด หรือร้านขายของฝาก
"ถ้าซูเปอร์ฯ ฟังเสียงพวกเราในครั้งนี้ ร้านเล็กๆ ก็จะมีแรงจูงใจหันมาทยอยทำตาม เมื่อไม่มีคนรับซื้อสัตว์น้ำวัยอ่อน ไม่มีคนนิยมกิน ก็ไม่มีคนจับมาขาย สัตว์น้ำทะเลจะค่อยๆ เพิ่มปริมาณ คนไทยก็จะมีอาหารทะเลดีๆ กินในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น ไม่ต้องกลัวอดในอนาคต เพราะสัตว์น้ำจะเพิ่มจำนวนขึ้น ทำให้เราสามารถหาซื้อได้ในราคาถูกลง ซึ่งทุกฝ่ายต่างก็จะได้รับประโยชน์ร่วมกัน" กิตติเดชกล่าว
ด้าน วิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย เผยว่า วันนี้ชาวประมงพื้นบ้านเดินทางมายื่นรายชื่อถึงซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งบางแห่งเรามีโอกาสพูดคุยกันไปบ้างแล้ว รับทราบว่าเข้าใจและได้มีการวางแผนจัดการในเรื่องนี้อยู่ ส่วนวันนี้บางซูเปอร์มาร์เก็ตเรามีโอกาสได้พบผู้บริหารหรือตัวแทน มีการปรึกษากันในเบื้องต้นและได้รับสัญญาณที่ดี ในขณะที่บางแห่งเรายังไม่มีโอกาสได้เจอตัวแทนที่จะได้นั่งหารือกัน ทำได้เพียงฝากเอกสารไว้เพื่อรอให้ทางฝ่ายบริหารซูเปอร์มาร์เก็ตได้พิจารณาต่อไป ซึ่งหวังว่าแต่ละซูเปอร์มาร์เก็ตจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงในการดูแลทะเลไทยจริงๆ
ทั้งนี้ ทางเจ้าของแคมเปญฝากทิ้งท้ายถึงผู้บริโภคและประชาชนทั่วไป ให้ช่วยกันจับตามองว่า ทางซูเปอร์มาร์เก็ตจะรับข้อเสนอจากเสียงประชาชนที่มีทั้งลูกค้าและภาคประชาสังคมต่อหรือไม่