นายอาชวิณ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลรวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 3,000 ล้านบาทสำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานภายใต้การบริหารงานไตรมาสที่ 3/2564 จากงวดผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ก.ค. - 30 ก.ย. 2564 และ/หรือกำไรสะสม จำนวน 5 กองทุน และจ่ายลดทุนจำนวน 1 กองทุน โดยกำหนดจ่ายพร้อมกันในวันที่ 3 ธ.ค. 2564 นี้ สำหรับ 6 กองทุน ประกอบด้วย
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงานให้เช่าจำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แสนสิริ ไพร์ม ออฟฟิศ (SIRIP) ลงทุนในกรรมสิทธิ์ในโครงการอาคารสิริภิญโญ จ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.0511 บาทต่อหน่วย เป็นครั้งที่ 29 รวมจ่ายเงินปันผล 3.8092 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่จัดตั้งเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2557) กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์ม ออฟฟิศ (POPF) ลงทุนในอาคารสมัชชาวานิช 2 อาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ และอาคารบางนา ทาวเวอร์ กำหนดจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.2470 บาทต่อหน่วย เป็นครั้งที่ 42 รวมจ่ายเงินปันผล 10.7198 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่จัดตั้งเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2554) และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท (CPNCG) ลงทุนในสิทธิการเช่าของอาคารสำนักงานให้เช่าบริเวณเขตปทุมวัน จ่ายปันผลในอัตรา 0.2400 บาทต่อหน่วย เป็นครั้งที่ 36 รวมจ่ายเงินปันผล 8.2776 (นับตั้งแต่จัดตั้งเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2555)
นอกจากนี้ ยังมีกองทุนอสังหาฯ ประเภทโรงงานและคลังสินค้า จำนวน 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PPF) ลงทุนในโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าบริเวณเขตพื้นที่ EEC (โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก) โดยในไตรมาสที่ 3 นี้กองทุนยังคงมีผลประกอบการที่มั่นคงต่อเนื่อง อีกทั้งราคาของหุ้นของกองทุนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สำหรับครั้งนี้กำหนดจ่ายปันผลในอัตรา 0.1750 บาท/หน่วย เป็นครั้งที่ 29 รวมจ่ายเงินปันผล 5.4345 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่จัดตั้งเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2557)
และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) ลงทุนในทรัพย์สินด้านโทรคมนาคม โดยรายได้หลักของกองทุนมาจากสัญญาให้เช่าทรัพย์สินเสาโทรคมนาคม และสายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic Cable) ระยะยาว กับกลุ่มบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ซึ่งทางกองทุนได้รับค่าเช่าครบถ้วนและต่อเนื่องมาตลอด ส่งผลให้มีผลประกอบการที่ดีสม่ำเสมอ เห็นได้จากการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่ 0.2610 บาทต่อหน่วย ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 8 ซึ่งเป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่คาดการณ์ไว้ โดยกองทุนมีการทยอยจ่ายคืนเงินต้นเพื่อลดภาระผูกพันตามสัญญาเงินกู้เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 4/2563 สำหรับการจ่ายปันผลครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 31 รวมจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 7.6941 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่จัดตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2556)
พร้อมกันนี้ได้จ่ายเงินลดทุนจำนวน 1 กองทุน เป็นกองทุนอสังหาฯ ประเภทโรงแรม ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอราวัณ โฮเทล โกรท (ERWPF) ที่ลงทุนในโรงแรมไอบิส ป่าตอง และโรงแรมไอบิส พัทยา โดยกองทุนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกวางต่อธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรมเป็นอย่างมากในปี 2564 อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3/2564 กองทุนยังคงได้รับค่าเช่าคงที่จากผู้เช่าเหมาทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ในสัญญาเช่าและประกาศจ่ายเงินลดทุนที่ 0.0823 บาทต่อหน่วย เพื่อเป็นการจ่ายคืนสภาพคล่องส่วนเกินจากกรณีจากกรณีที่กองทุนยังคงมีขาดทุนสะสมที่เกิดจากการลดลงของการสอบทานการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ซึ่งเป็นรายการทางบัญชีที่ไม่ได้มีกระแสเงินสดจ่ายออกไปจริง
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการ ที่ SCBAM Client Relations โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6 หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย หรือ www.scbam.com
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน