ย่างเข้าสู่เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จะมีอากาศเย็นในตอนเช้าและมีลมแรงช่วงนี้ กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรผู้ปลูกองุ่นให้เฝ้าสังเกตการระบาดของโรคราน้ำค้าง มักพบได้ในทุกระยะการเจริญเติบโตของพืช อาการที่ใบ เนื้อเยื่อบนใบเกิดแผลสีเหลืองอ่อน หากสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง ที่บริเวณใต้ใบด้านตรงข้ามแผลจะพบเชื้อราสาเหตุโรคสีขาวขึ้นฟู ต่อมาแผลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ถ้าโรคระบาดรุนแรง ก้านใบมีแผลช้ำ ใบจะเหลือง แห้ง และหลุดร่วง อาการที่ยอด เถาอ่อน และมือเกาะ มักพบเชื้อราสีขาวขึ้นฟูเป็นกลุ่มปกคลุม ยอดหดสั้น เถาและมือเกาะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแห้ง อาการที่ช่อดอกและผลอ่อน จะพบเชื้อราสีขาวขึ้นฟูปกคลุมช่อดอกและผลอ่อน ทำให้ดอกร่วง ช่อดอกเน่า และผลอ่อนร่วง
หากพบโรคเริ่มระบาดให้เกษตรกรหมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ ตัดแต่งส่วนที่เป็นโรคและให้นำออกจากแปลงไปทำลายนอกแปลงปลูก เพื่อลดการสะสมของเชื้อสาเหตุโรค จากนั้น ให้พ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชไดเมโทมอร์ฟ 50% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารแมนโคเซบ+เมทาแลกซิล-เอ็ม 64%+4% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารไอโพรวาลิคาร์บ+โพรพิเนบ 5.5%+61.3% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 15 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นทุก 5-7 วัน อีกทั้งไม่ควรใส่ปุ๋ยที่มีค่าไนโตรเจนสูงเกินไป เพราะจะทำให้พืชอ่อนแอต่อการเกิดโรค