RT เผยแนวโน้มโค้งสุดท้ายปี 64 ฟอร์มดี เดินหน้าก่อสร้างโครงการภาครัฐและเอกชนตามแผน คว้างานใหม่ 4 โครงการ จ่อเซ็นสัญญา มูลค่ารวม 2,026 ล้านบาท งานอุโมงค์ดินอ่อน, งานอุโมงค์ส่งน้ำ, งานวางท่อเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าลงใต้ดิน และ งาน Slope Protection คาดดัน Backlog แตะ 6,835 ล้านบาท พร้อมบริหารจัดการต้นทุน ปัญหาขาดแคลนแรงงานคลี่คลาย เตรียมแผนรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่
นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค เปิดเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจช่วงไตรมาส 4/64 บริษัทมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยมีการเร่งก่อสร้างงานที่อยู่ในมือ ภายหลังมาตรการปิดแคมป์ผ่อนคลาย ซึ่งปัจจุบันสามารถดำเนินการได้ทันตามแผนที่วางไว้ และ ทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/64 จากโครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่แตง-แม่งัด จ.เชียงใหม่ ความคืบหน้า 97%, โครงการก่อสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ความคืบหน้า 67.60% และ งานก่อสร้างประตูระบายน้ำศรีสองรัก กรมชลประทาน จ.เลย ความคืบหน้า 41.70% และ งานก่อสร้างอุโมงค์ในโครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 3 จ.สระบุรี-จ.นครราชสีมา คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/65
อย่างไรก็ตามบริษัทเตรียมเซ็นสัญญาเข้ารับงานใหม่ จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,026 ล้านบาท ประกอบไปด้วย งานประเภทอุโมงค์ดินอ่อน, งานประเภทอุโมงค์ส่งน้ำ การประปานครหลวง, งานวางท่อเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าลงใต้ดิน (Pipe Jacking) และ งาน Slope Protection โดยงานดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้ Backlog เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 6,835 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องในปี 65-66
"บริษัทมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนและจัดการทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด ประกอบกับปัจจัยด้านแรงงานในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มคลี่คลาย ทำให้สามารถดำเนินการก่อสร้างตามแผนงานและทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีการเข้าประมูลและรับงานใหม่ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อผลักดันบริษัทให้มีการเติบโตที่ดี นอกจากนี้บริษัทได้เตรียมแผนพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต" นายชวลิต กล่าว
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3/64 บริษัทมีรายได้รวม 599.62 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 672.22 ล้านบาท จำนวน 72.60 ล้านบาท หรือ ลดลง 10.80% และ มีกำไรสุทธิ 11.47 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 67.25 ล้านบาท จำนวน 55.78 ล้านบาท หรือ ลดลง 82.94 %
แต่เมื่อเทียบกับผลประกอบการไตรมาส 2/64 ที่มีรายได้รวม 599.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 0.61 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 0.03% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 4.2 ล้านบาท จากไตรมาส 2/64 ที่มีกำไรสุทธิ 7.27 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 57.80%
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 64 บริษัทมีรายได้รวม 1,934.60 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,111.58 ล้านบาท จำนวน 176.98 ล้านบาท หรือ ลดลง 8.38% และ มีกำไรสุทธิ 55.99 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 204.57 ล้านบาท จำนวน 148.58 ล้านบาท หรือ ลดลง 72.63 %