บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี ("STA" หรือ "บริษัทฯ") ผู้นำในธุรกิจยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลกและ
ผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ประสบความสำเร็จจากการเสนอขายหุ้นกู้ได้ตามเป้าหมายรวมมูลค่า 4,500 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม 2564 และได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างท่วมท้น โดยมีนักลงทุนแสดงความจำนงในการลงทุนกว่า 3.6 เท่า ตอกย้ำความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ ฐานะการเงินและศักยภาพการเติบโตของธุรกิจยางธรรมชาติ จากราคายางธรรมชาติที่โดดเด่น ตลอดจนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจถุงมือยาง ภายใต้สถานการณ์ COVID
นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และกรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคมที่ผ่านมา การเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทฯ ประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยหุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายเป็นหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่าเสนอขายรวม 4,500 ล้านบาท เสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ (Institutional and High Net Worth Investors) ซึ่งหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ "A-" แนวโน้ม "Positive" จากบริษัททริสเรทติ้ง จำกัด โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างท่วมท้น โดยมีนักลงทุนแสดงความจำนงในการลงทุนเป็นจำนวนมากกว่า 3.6 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อผลการดำเนินงานที่เติบโตและฐานะการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564 ทริสเรทติ้งฯ ยังได้ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตบริษัทฯ และหุ้นกู้เป็น "Positive" จาก "Stable" ซึ่งสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัทฯ ในธุรกิจถุงมือยาง และแนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยางธรรมชาติและความต่อเนื่องของอุปสงค์ถุงมือยาง ซึ่งยังช่วยตอกย้ำการเติบโตในธุรกิจบริษัทฯ อีกด้วย
ทั้งนี้ หุ้นกู้ที่เสนอขายมีจำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.98% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.39% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.12% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.56% ต่อปี โดยมีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ นั้น ในไตรมาส 3 ของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ อยู่ที่ 28,486.1 ล้านบาท เติบโต 72.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากธุรกิจยางธรรมชาติ 17,665.6 ล้านบาท เติบโตเป็นอย่างมากที่ 110.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากทั้งราคาขายและปริมาณการขายที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของการบริโภคจากผู้ผลิตยางล้อ และส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นของ STA สำหรับรายได้จากธุรกิจถุงมือยางอยู่ที่ 10,801.3 ล้านบาท ขยายตัว 33.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ใน 3Q64 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,280.8 ล้านบาท เติบโตอย่างมีนัยสำคัญถึง 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่อยู่ในช่วงวัฏจักรของการเติบโตรอบใหม่
"บริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นและตอบรับหุ้นกู้ของ STA อย่างดีเยี่ยมมาโดยตลอด รวมทั้งขอขอบคุณธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ให้การสนับสนุนให้การเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทฯ ในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ไปใช้เพื่อลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยางธรรมชาติและยางแท่ง และเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยครั้งนี้เป็นการออกหุ้นกู้ครั้งที่ 3 ในรอบปี 2564 ซึ่งเป็นไปตามความตั้งใจที่จะสร้างทางเลือกในการลงทุนควบคู่ไปกับการเติบโตในธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งความสำเร็จจากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนการออกหุ้นกู้ต่อไปในอนาคตเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการเติบโตของตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยต่อไป" นายวีรสิทธิ์ กล่าว