กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมเอกชนร่วมมือพัฒนาฝีมือแรงงาน ยกระดับมาตรฐานช่างไทยให้มีความรู้ความสามารถในการก่อสร้าง ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)
13 ธันวาคม 2564 เวลา 15.30 น. ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 กระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในการรับมอบปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก "อินทรีเพชรพลัส" จำนวน 150 ตัน มูลค่า 300,000 บาท จากนายวิบูลย์ แซ่ล้อ ผู้จัดการอาวุโส โรงงานสระบุรี บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) โดยเปิดเผยหลังการรับมอบว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีนโยบายส่งเสริม สร้างความเข้มแข็ง โดยให้เกิดการขับเคลื่อนในทุกพื้นที่ ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม โดยมอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เน้นการทำงานเชิงบูรณาการตามแนวทางประชารัฐ โดย ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ผลิตช่างฝีมือป้อนสู่ตลาดแรงงานทั่วประเทศ โดยเฉพาะช่างก่อสร้าง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 - 2564 มีผู้ผ่านการฝึกอบรม จำนวน 23,604 คน ซึ่งบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์มาแล้วกว่า 6,260 ตัน เพื่อนำไปใช้จัดฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆ เช่น การเทพื้นคอนกรีต การก่ออิฐฉาบปูน ทางทำคอนกรีตเสริมเหล็ก และการทำคอนกรีตเสริมไม้ไผ่ และฝึกภาคปฏิบัติในงานก่อสร้างในการยกระดับฝีมือของช่างชุมชน และสร้างสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น วัด โรงเรียน สำนักสงฆ์ และเทศบาล
"ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการสะท้อนให้ภาคเอกชนเห็นถึงความมั่นใจต่อมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน เพื่อกลับไปสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถานประกอบกิจการ ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ให้สามารถก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงต่อไป"
นายประทีป ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้บูรณาการความร่วมมือกับบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) มาอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจะนำไปใช้ประโยชน์ตามโครงการสมาชิกพบประชาชนกับกิจกรรมการสร้างฝายชุมชนร่วมใจประชารัฐในการจัดฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติเพื่อสร้างฝายน้ำกักเก็บน้ำไว้อุปโภคและบริโภค สามารถทำการเกษตรและการประกอบอาชีพที่นำรายได้มาสู่ทุกครัวเรือน จำนวน 6 ฝาย และที่จำเป็นเร่งด่วน คือ ฝายบ้านศรีบุญเรือง จังหวัดเชียงราย