นายทวินโชค ตันธุวนิตย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บมจ.อาร์ ซี แอล (RCL) เล่าถึงการพัฒนาที่โดดเด่นของบริษัทฯ ว่า ในปี 2564 นี้ RCL มีการซื้อเรือและต่อสร้างเรือใหม่ รวม 10 ลำ ถือว่าเป็นจำนวนที่มากเป็นประวัติการณ์ ณ ขณะนี้ RCL รับมอบเรือมาแล้ว 7 ลำ ซึ่งเรือทั้ง 7 ลำดังกล่าวนี้ RCL นำมาใช้งานเอง 6 ลำ สำหรับรองรับการขยายเส้นทางการให้บริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และอีก 1 ลำเป็นการปล่อยให้เช่าตามสัญญาในระยะสั้น ขณะเดียวกันเรือใหญ่ที่มีขนาด 12,000 TEUs จำนวน 2 ลำ ที่ขณะนี้แม้อยู่ระหว่างการต่อสร้างเรือ RCL ก็ได้รับการติดต่อขอเช่าเรือทั้ง 2 ลำดังกล่าวทันทีที่ต่อสร้างเรือเสร็จ โดยขอทำสัญญาเช่าระยะยาวไว้ล่วงหน้าด้วยราคาเช่าที่ค่อนข้างสูง สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการการขนส่งทางเรือที่สูงมาก ทั้งนี้ เรือต่อสร้างใหม่ทั้ง 2 ลำดังกล่าวจะส่งมอบช่วงปลายปี 2565 และต้นปี 2566 ตามลำดับ
ในด้านผลประกอบการสำหรับปี 2564 นั้น ถือเป็นปีที่สดใส RCL มีการเติบโตเด่นชัด เห็นได้จากผลประกอบการที่ดีขึ้นทุกไตรมาส โดยบริษัทฯ มีผลกำไรในไตรมาสแรก 2,941 ล้านบาท ไตรมาสสอง 3,188 ล้านบาท และไตรมาสสาม บริษัทมีผลกำไรสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 3,730 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสสี่ เป็นช่วงของเทศกาลสำคัญต่างๆ RCLคาดว่าความต้องการขนส่งสินค้าก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
นายทวินโชค ตันธุวนิตย์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าปีนี้ RCL มีเรื่องน่ายินดีสำหรับธุรกิจของ RCL เพราะเป็นปีที่ RCL สร้างสถิติ New High ในหลายเรื่อง เริ่มต้นจากเป็นปีที่มีการซื้อเรือมากที่สุดถึง 10 ลำ ทั้งนี้เพราะเราได้มีการศึกษา วิเคราะห์ และคาดการณ์ความต้องการของตลาดว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นมาก RCL ได้เปิดเส้นทางบริการเพิ่มขึ้น และมีความหลากหลาย เพื่อรองรับความต้องการเส้นทางใหม่ๆ และเส้นทางที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ซึ่งปีนี้ RCLได้เพิ่มเส้นทางเดินเรือใหม่ไปแล้ว 7 เส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น ไทย-จีน จีน-ตะวันออกกลาง จีน-อินเดีย อินเดีย-ตะวันออกกลาง เป็นต้น เพื่อขานรับและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน นอกเหนือจากการเปิดเส้นทางประจำแล้ว RCL ยังมีบริการ Extra Sailing ที่ใช้เรือขนาด 900 TEUs จนถึง 5,300 TEUs มาสนองความต้องการขนส่งสินค้าให้กับลูกค้าอีกด้วย
นายทวินโชค ตันธุวนิตย์ สรุปให้ฟังในตอนท้ายว่า เหนือสิ่งอื่นใดคือ RCL สามารถทำผลกำไรในแต่ละไตรมาสสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เริ่มจากไตรมาสแรกที่ทำได้สูงถึง 2,941 ล้านบาท และสูงต่อเนื่องในไตรมาสสอง และมาถึงไตรมาสสาม ก็สามารถทำผลกำไรสูงกว่าไตรมาสที่สอง ก็คงต้องรอดูว่าไตรมาสสี่นี้จะมีผลประกอบการเป็นอย่างไร