'บมจ. ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์' หรือ TFM ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำ และอาหารสัตว์เศรษฐกิจอย่างครบวงจร ปักธงผลงาน 5 ปีข้างหน้า ทำรายได้แตะ 8,000-10,000 ล้านบาท จากปีนี้ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 4,700 - 4,800 ล้านบาท ผ่าน 3 ปัจจัยหลัก การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต, การใช้ Economy of Scale และเพิ่มพอร์ตสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง พร้อมผลักดันผลงานปี 2565 คาดรายได้เติบโตกว่า 1,000 ล้านบาท เดินหน้าสร้างการเติบโตจากธุรกิจอาหารสัตว์น้ำและตามการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ
นายบรรลือศักร โสรัจจกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ TFM เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 คาดว่าอัตรากำไรจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า หลังผ่านพ้นจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/2564 ซึ่งเป็นผลมาจากดำเนินงานภายใต้แผนงาน 3 แกนหลัก ได้แก่ 1.) การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต 2.) การใช้ Economy of Scale และ 3.) เพิ่มพอร์ตสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และทำให้โดยรวมรายได้โตขึ้นจากปีก่อนหน้า 15% ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเป้ารายได้รวมทั้งปี 2564 ให้อยู่ที่ 4,700 - 4,800 ล้านบาท
ส่วนแผนงานปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 20% โดยมาจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ 1.) ยอดขายอาหารสัตว์สำเร็จรูปในประเทศที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5-10% 2.) การเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี จากบริษัท พีที ไทยยูเนี่ยน คาริสม่า เลสทารี จำกัด (TUKL) ที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซีย ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ 2 กลุ่ม ซึ่ง TFM ถือหุ้นในสัดส่วน 65% โดยโรงงานผลิตอาหารกุ้งของ TUKL มีกำลังการผลิตรวม 36,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าในปี 2565 จะใช้กำลังการผลิตประมาณ 10,000-12,000 ตัน และจะเต็มกำลังการผลิตภายในปี 2567 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ตั้งแต่ปีแรก โดยปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนธันวาคมนี้ นอกจากนี้ TUKL ยังวางแผนขยายไปยังธุรกิจการผลิตและจำหน่ายอาหารปลาในประเทศอินโดนีเซียเพิ่มเติมอีกด้วย
และ 3.) การรับรู้รายได้เต็มปีจากบริษัท AMG-Thai Union Feedmill (Private) Limited (AMG-TFM) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศปากีสถาน โดยวางเป้าหมายสร้างรายได้ในปี 2565 ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีนี้ โดยบริษัทฯ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 15,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับการเติบโตใน 2-3 ปีข้างหน้า จากปี 2564 ที่มีกำลังการผลิตอาหารปลา 10,000 ตัน นอกจากนี้ ยังจัดสรรงบลงทุนอีกประมาณ 300 ล้านบาทในการปรับปรุงและขยายกำลังการผลิตที่โรงงานมหาชัย หลังจากได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษีจาก BOI ซึ่งเป็นผลจากการนำ TFM เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFM กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ใน 5 ปีข้างหน้า (2565-2569) เติบโตเท่าตัว ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 8,000-10,000 ล้านบาท ตามการพื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลให้ความต้องการบริโภคอาหารทะเลเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก สอดรับกับการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ ที่บริษัทฯ มีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ที่หลากหลาย เพื่อมุ่งเน้นทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงสร้างการเติบโตจากการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นประเทศที่อุตสาหกรรมสัตว์น้ำมีศักยภาพการเติบโตสูง ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศให้เพิ่มเป็น 20-25% จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 3%