นายนวนิตย์ พลเคน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรมีนโยบายในการสร้างความเข้มแข็งขององค์กรเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน - เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน และภาคการเกษตร โดยส่งเสริมให้เป็นผู้ประกอบการที่เข้มแข็ง สามารถประกอบกิจการได้อย่างต่อเนื่องยั่งยืน และเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก กลุ่มเกษตรกรที่ต้องการจะพัฒนาอาชีพจะต้องจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนเพื่อให้ได้รับการรับรองตามกฎหมาย มีสิทธิได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนากิจการวิสาหกิจชุมชนตามที่คณะกรรมการฯ กำหนดและตรงกับความต้องการของชุมชน รวมทั้งการสนับสนุนจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมศักยภาพของกลุ่มเกษตรกรในด้านต่าง ๆ และเป็นการส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนมีความเข้มแข็งสามารถพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ประกอบกิจการขนาดกลางและขนาดย่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต ซึ่งการต่อทะเบียนวิสาหกิจชุมชนจะต้องดำเนินการทุกปีในระหว่างวันที่ 1 - 30 มกราคม ณ สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรพื้นที่ 1 - 4 (กรุงเทพมหานคร) ที่จดทะเบียนฯไว้ เพื่อรักษาสิทธิในการได้รับการสนับสนุนและบริการจากภาครัฐตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเตรียมเอกสารประกอบการขอต่อทะเบียนวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ประจำปี 2565 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) กรมส่งเสริมการเกษตร ขอให้วิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายฯ ที่จะมาขอต่อทะเบียนฯ ศึกษาวิธีการและดาวน์โหลดเอกสารต่าง ๆ ที่ http://www.sceb.doae.go.th/ext65.html ประกอบด้วย 1) แบบคำขอดำเนินกิจการต่อของวิสาหกิจชุมชน และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน((สวช.03) 2) หนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน (ท.ว.ช.2) 3) เอกสารสำคัญแสดงการดำเนินกิจการ (ท.ว.ช.3) 4) บัตรประชาชนของผู้มายื่นแบบขอต่อทะเบียน 5) หนังสือมอบอำนาจให้ทำการแทน (กรณีผู้มีอำนาจทำการแทนวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนไม่ได้มาด้วยตนเอง) 6) บันทึกแจ้งความ (กรณี ท.ว.ช.2/ท.ว.ช.3 สูญหาย) 7) ข้อบังคับหรือข้อตกลงร่วมกันของสมาชิกวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน 8) แผนประกอบการ 9) ผลการดำเนินงาน 10) แบบจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานของวิสาหกิจชุมชน/เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน และ 11) แบบจัดเก็บเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร/เลขทะเบียนนิติบุคคล (ถ้ามี) ทั้งนี้ ให้กรอกข้อมูลพร้อมจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเรียบร้อย และนำมายื่นต่อเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานเกษตรอำเภอหรือสำนักงานเกษตรพื้นที่ 1 - 4 (กรุงเทพมหานคร) ที่จดทะเบียนฯ ไว้ เพื่อความรวดเร็วในการตรวจสอบความถูกต้อง และสามารถดำเนินการต่อทะเบียนวิสาหกิจชุมชนได้อย่างรวดเร็ว ลดระยะเวลาเผชิญหน้า ลดความเสี่ยง และลดความแออัดได้
รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวย้ำว่า หากวิสาหกิจชุมชน/เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนไม่มาต่อทะเบียนติดต่อกัน 2 ปี จะถูกเพิกถอนทะเบียน และจะเสียสิทธิ์ที่จะได้รับการสนับสนุนในการพัฒนาอาชีพหรือบริการต่าง ๆ จากภาครัฐและหน่วยงาน