ECF เผยแนวโน้มธุรกิจปี 64 คาดเติบโตตามเป้า พร้อมแตกไลน์ธุรกิจ ส่ง อีซีเอฟโฮลดิ้งส์ลุยธุรกิจเหมืองขุดสกุลเงินดิจิทัล และจัดตั้งบริษัทย่อยเพิ่มอีกหนึ่งแห่งสำหรับธุรกิจการเพาะปลูกและจัดจำหน่ายพืชผลทางการเกษตร หนุนศักยภาพการเติบโต เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้กับกลุ่มบริษัท
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ซึ่งประกอบธุรกิจหลักด้านการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ และเข้าลงทุนในธุรกิจด้านพลังงาน ซึ่งปัจจุบันได้เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการมินบู ประเทศเมียนมาร์ ขนาด 220 เมกะวัตต์ ในสัดส่วนการเข้าลงทุนที่ร้อยละ 20 ผ่านทางบริษัทย่อย คือ บริษัท อีซีเอฟ พาวเวอร์ จำกัด
เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจปี 64 คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ จากนโยบายการเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อ ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่นธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ อีกทั้งการขยายตลาดต่างประเทศ มีสัญญาณการเติบโตที่ดีจากกลุ่มลูกค้าใหม่ที่บริษัทขยายฐานการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ส่งออกไปประเทศอินเดีย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งมียอดคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศอยู่ที่ 65% และในประเทศอยู่ที่ 35%
ขณะที่ตลาดในประเทศ กระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางจำหน่าย อาทิ ร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำที่มีสาขาทั่วประเทศพร้อมกับแผนการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น พร้อมตั้งเป้าหมายมุ่งเน้นการขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านออนไลน์ โดยล่าสุดเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท บริษัท โซเมว่า พลาซ่า จำกัด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจออนไลน์แพลทฟอร์ม และคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการจำหน่ายผ่านช่องทางดังกล่าวได้ในไตรมาส 1/65 ซึ่งถือเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในประเทศ รวมถึงสร้างความหลากหลายของช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับบริษัท
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2564 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2564 ได้มีมติอนุมัติเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่เพิ่มเติมของบริษัทย่อย โดยอนุมัติให้บริษัท อีซีเอฟ โฮลดิ้งส์ จำกัด ("ECFH" หรือ "บริษัทย่อย") ในฐานะบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 94.44 % เข้าลงทุนในธุรกิจใหม่เพิ่มเติม โดยการเข้าลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดสกุลเงินดิจิทัล
ดังนั้นนอกจากธุรกิจหลักที่ ECFH ดำเนินงานอยู่ในปัจจุบันคือ ผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ให้กับบริษัทแล้ว จะทำให้มีธุรกิจใหม่เพิ่มเติมคือ ธุรกิจเหมืองขุดสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency mining) โดยมีมูลค่าการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ 80 ล้านบาท
อีกทั้ง ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2564 ได้มีมติพิจารณาอนุมัติการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อยเพิ่มเติม 1 แห่ง เพื่อประกอบธุรกิจการเพาะปลูกและจัดจำหน่ายพืชผลทางการเกษตร โดยพิจารณาประกอบกับมูลค่าการส่งออกพืชผักผลไม้ไทยไปต่างประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นมากโดยในรอบปี 2564 ที่ผ่านมา เติบโตกว่าร้อยละ 80 จะเป็นปัจจัยบวกต่อการเข้าดำเนินธุรกิจดังกล่าวของบริษัทฯ
บริษัทฯ คาดว่า การเข้าลงทุนในสองธุรกิจดังกล่าวเพิ่มเติม จะเป็นโอกาสที่จะสร้างแหล่งที่มาของรายได้ หนุนผลประกอบการของบริษัทฯ ให้เติบโตขึ้นได้ในอนาคต โดยการบริหารงานจะคำนึงถึงการเติบโตอย่างมั่นคง และหาทางลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง เป็นสำคัญ