บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ ปตท.สผ. อีดี และ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือในช่วงเปลี่ยนผ่าน ของแหล่งก๊าซธรรมชาติกลุ่มเอราวัณหรือ แปลง G1/61 เพื่อให้การดำเนินงานในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างสัมปทานและสัญญาแบ่งปันผลผลิตเกิดความต่อเนื่อง แต่ด้วยเหตุที่การเจรจาลงนามในข้อตกลงฯ ดังกล่าวของทั้งสองบริษัทล่าช้ากว่า 2 ปี อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในช่วงเปลี่ยนผ่าน (Transition Period) โดยทั้ง 2 บริษัทพร้อมที่จะดำเนินการอันจำเป็นเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุดังกล่าว
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า บริษัท ปตท.สผ. อีดี ในฐานะผู้ดำเนินการรายใหม่ภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต ของแปลง G1/61 และบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ผู้รับสัมปทานรายเดิมได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือในช่วงเปลี่ยนผ่านของแหล่งก๊าซธรรมชาติกลุ่มเอราวัณ ซึ่งประกอบด้วย ข้อตกลงการเข้าพื้นที่ (Site Access Agreement, SAA) ข้อตกลงการเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินกิจกรรมการรื้อถอนสิ่งติดตั้ง (Asset Retirement Access Agreement, ARAA) และ ข้อตกลงการถ่ายโอนการดำเนิน (Operation Transfer Agreement, OTA) ซึ่งจะทำให้การดำเนินการตามสัญญาแบ่งปันผลผลิตในโครงการแปลง G1/61 เดินหน้าต่อไป
"ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากปัญหาความล่าช้าในการเข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณนั้น กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศ ได้ใช้ความอุตสาหะพยายามอย่างเต็มที่ในการดำเนินการเพื่อประสานให้ทั้ง 2 บริษัทมาหารือเพื่อให้ได้ข้อตกลงต่าง ๆ ร่วมกัน ที่จะส่งผลให้การดำเนินงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน เป็นไปอย่างราบรื่น กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติมีความกังวลที่การลงนามในข้อตกลงฯ ดังกล่าวเกิดความล่าช้าเป็นเวลากว่า 2 ปี แต่ก็มีความยินดีที่ ณ ปัจจุบันการลงนามข้อตกลงฯ ส่งผลให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น สำหรับการเข้าพื้นที่ของ ปตท.สผ.อีดี เพื่อเตรียมความพร้อมในการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งดังกล่าวเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นสำคัญ"
สำหรับความสำคัญของข้อตกลงทั้ง 3 ฉบับ ได้แก่
ทั้งนี้ บริษัท ปตท.สผ. อีดี เป็นผู้ชนะการประมูลและจะเป็นผู้ดำเนินงานรายใหม่ในแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณหลังจากสัมปทานของบริษัท เชฟรอนฯ หมดอายุลงในเดือนเมษายน 2565 ซึ่งตามเงื่อนไขในการประมูลนั้น บริษัท ปตท.สผ.อีดี จะต้องผลิตก๊าซธรรมชาติให้ได้ในอัตรา 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งความล่าช้าในการทำข้อตกลงฯ ของทั้ง 2 บริษัทอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในช่วงเปลี่ยนผ่าน