ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS ที่ 'BBB+(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F2(tha)' โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตภายในประเทศของ FSS สะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งแต่มีการกระจุกตัวของบริษัท และอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ที่มีการแข่งขันสูงของประเทศไทย รวมทั้งการมีธุรกิจนอกเหนือจากธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ในระดับปานกลาง อีกทั้งบริษัทยังคงมีความเสี่ยงในด้านการดำเนินงานตามแผนธุรกิจ (Execution risks) ในการที่จะลดการพึ่งพารายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์สำหรับรายย่อย แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวถูกชดเชยด้วยฐานะเงินทุนและสภาพคล่องที่อยู่ในระดับพอเพียงและคาดว่าน่าจะช่วยเป็นกันชนและบรรเทาผลกระทบจากความผันผวนและความเสี่ยงได้
เช่นเดียวกันกับบริษัทหลักทรัพย์อื่นๆในประเทศไทย FSS ได้ประโยชน์จากสภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่แข็งแกร่งในปี 2564 ฟิทช์คาดว่าภาวะของอุตสาหกรรมน่าจะชะลอตัวลงบ้างตามวัฏจักรธุรกิจ โดยมีปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลงโดยเฉลี่ยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ธุรกิจหลักทรัพย์ยังคงเป็นรายได้หลักของ FSS โดยคิดเป็น 81% ของรายได้ทั้งหมด ณ สิ้นเดือนกันยายน ปี 2564 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 56% FSS มีจุดแข็งในด้านธุรกิจหลักทรัพย์สำหรับลูกค้ารายย่อยและบริษัทสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ใน 5 อันดับแรกในด้านของปริมาณการซื้อขายได้อย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (operating profit/average equity) ของ FSS ปรับตัวขึ้นอย่างมากเป็น 14.9% ณ สิ้นเดือนกันยายน ปี 2564 จาก 4.1% ในปี 2563 ซึ่งสอดคล้องกับภาวะอุตสากรรมที่ปรับตัวดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การพึ่งพารายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์จะยังคงเป็นปัจจัยกดดันความสามารถในการทำกำไรและนำไปสู่ความผันผวนที่มากกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์ที่มีอันดับเครดิตที่สูงกว่า ในระยะยาวการปรับตัวดีขึ้นและความสม่ำเสมอของรายได้ จะขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการเสริมสร้างรายได้จากธุรกิจอื่นที่นอกเหนือจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
ฐานะเงินทุนของ FSS ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยบริษัทมีอัตราส่วน net adjusted leverage อยู่ที่ 2.6 เท่า ณ สิ้น เดือนกันยายน 2564 ฟิทช์คาดว่าฐานะเงินทุนของบริษัทน่าจะช่วยรองรับความผันผวนของกำไรสะสม และสนับสนุนการขยายธุรกิจเพิ่มเติมนอกเหนือจากรูปแบบธุรกิจในปัจจุบันที่ค่อนข้างกระจุกตัวในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ สภาพคล่องที่พอเพียงและการมีสัดส่วนของสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงเมื่อเทียบกับระดับหนี้สิน น่าจะสามารถช่วยรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย
ปัจจัยที่อาจมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้ หากโครงสร้างธุรกิจมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างมั่นคง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความสามารถในการทำกำไรระยะยาวผ่านรูปแบบธุรกิจที่หลากหลายและประสบความสำเร็จมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ย ที่สามารถทรงตัวอยู่ในระดับที่มากกว่า 10% ได้ในระยะปานกลาง นั้นมีนัยสำคัญเพียงพอที่จะแสดงถึงการปรับตัวที่ดีขึ้นของความสามารถในการทำกำไร แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงความสมดุลและความสม่ำเสมอของรายได้ด้วยเช่นกัน ประกอบกับการรักษาความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในด้านเงินทุนและสภาพคล่องของบริษัท
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้จากการปรับตัวอ่อนแออย่างมากของสถานะทางการเงินของ FSS เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของฟิทช์ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ยมีการปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และบั่นทอนความสามารถของบริษัทในการรักษาระดับเงินทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นได้ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่การปรับลดอันดับของปัจจัยทางการเงินในหลายปัจจัยตามเกณฑ์การพิจารณาอันดับเครดิตของฟิทช์ และเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดจากการปรับตัวด้อยลงของโครงสร้างธุรกิจของบริษัท
การปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจหรือระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk appetite) ในทางลบอย่างมีนัยสำคัญ อาจนำไปสู่การปรับลดอันดับเครดิตได้ แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์ไม่คาดว่าจะมีการปรับด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญของปัจจัยดังกล่าวในระยะเวลาสั้น
รายละเอียดอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้
--อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ BBB+(tha) แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
--อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ F2(tha)