TKC ประเดิมเทรดตัวแรกของปี สุดร้อนแรง ย้ำ ผู้นำงานโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ที่มีฐานลูกค้าชั้นนำ และพันธมิตรระดับโลกไว้วางใจ ขณะที่ความสามารถในการทำกำไรยังแข็งแกร่ง เข้าตานักลงทุน VI - กองทุน ซื้อหุ้นผ่านกระดาน Big Lot ตั้งแต่เปิดเทรดวันแรกบนกระดาน ตอกย้ำความเชื่อมั่นถึงแผนธุรกิจมุ่งสู่ผู้นำขับเคลื่อนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เรียกได้ว่าพร้อมคำรามรับปีเสือทอง ลั่นเป้าใหญ่ ขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดโทรคมนาคมที่แข็งแกร่ง
โดย บมจ. เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส หรือ TKC ประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อขายวันแรกได้อย่างสวยงาม แถมเนื้อหอมสุดๆ มีกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ 2 กลุ่มให้ความสนใจ พบนักลงทุนแนว VI กลุ่มดังอย่าง "วณิชวรากิจ" และกลุ่มลูกค้ากองทุนจากสถาบันการเงินชั้นนำ Top 3 ของประเทศ โดยข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ได้รายงานการซื้อหุ้น TKC ผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot) จำนวน 28,560,000 หุ้น ในราคาเฉลี่ย 22.65 บาท รวมมูลค่าประมาณ 646.88 ล้านบาท ซึ่งวันนี้ TKC เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก เรียกได้ว่าตั้งแต่เปิดจองซื้อ IPO จนถึงวันเทรด กระแสแรงท่วมท้นจนฉุดไม่อยู่ เพราะด้านบิ๊กใหญ่ บมจ. ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ก็เข้ามาร่วมจองซื้อหุ้น IPO สมกับเป็นหุ้นเทคสื่อสารในยุค 5G พร้อมรับการเติบโตครั้งใหญ่ ย้ำภาพหุ้น TKC จะเป็นอีกหนึ่งหุ้นเทคคุณภาพที่ผู้ถือหุ้น และนักลงทุน สามารถลงทุนได้ระยะยาว สร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ TKC ราคาเปิดเทรดวันแรกอยู่ที่ 27 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 9 บาท หรือ 50% จากราคาจองซื้อ (IPO) 18 บาทต่อหุ้น ด้าน นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ทำให้การเปิดซื้อขายหุ้น TKC วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่น และนับเป็นก้าวสำคัญซึ่งช่วยผลักดัน และสนับสนุนให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะใช้สนับสนุนแผนการเติบโตของ TKC ในปี 2565 - 2566 ให้เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ
โดยในปี 65 TKC วางเป้าหมายรายได้เติบโตในระดับ 15-20% ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทมีแนวโน้มสูงขึ้นราว 18% จากปัจจุบันอยู่ที่ 17% อีกทั้งเร่งเครื่องเดินหน้าประมูลงานใหม่เสริมแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นงานบริการที่เป็นสัญญาระยะยาวและเป็นรายได้ที่ต่อเนื่อง โดยงานประมูลที่ได้เข้ามาเพิ่มเติมในช่วงปลายปี 64 ได้แก่ โครงการ Real-Time Passenger Counting/Smart Airport สำหรับ AOT มูลค่า 355 ล้านบาท และโครงการเกี่ยวกับการอบรมด้าน Cyber Security สำหรับ NCSA มูลค่าประมาณ 101 ล้านบาท เป็นต้น และไม่หยุดเท่านี้ TKC ยังมีโปรเจกต์ใหญ่จ่อรอประมูลเพิ่มเติมรับเปิดศักราชปี 65 นำเงินที่ได้จากการระดมทุนราว 1,404 ล้านบาท เพิ่มความพร้อมในการเข้าประมูลงาน โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ในอนาคต พร้อมรักษาความสามารถในการทำกำไรจากภาพรวมปี 64 ทิศทางผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร โดยมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 3/64 อยู่ที่ราว 2,346 ล้านบาท
"เรามองว่า โลกกำลังเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัล เห็นได้จากการปรับตัวของภาคธุรกิจและโอเปอร์เรเตอร์ต่างๆ ประกาศวิสัยทัศน์ในการมุ่งสู่เทคคอมพานี เพราะเมื่อโครงสร้างพื้นฐานพร้อม จะเป็นโอกาสในการเข้าสู่ยุคดิจิทัล และ TKC เข้ามาขยายตลาดสมาร์ทโซลูชั่นต่างๆ ต่อยอดจุดแข็งในการเป็นผู้ให้บริการวางโครงสร้างพื้นฐานด้าน 5G ครบวงจร นอกจากนี้ สถานการณ์โควิด ยิ่งทำให้เห็นชัดเจนว่า เทคโนโลยีเข้ามาอยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้น ทั้งการใช้ชีวิต การทำงาน และจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ทั้งระบบ Cloud ที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นมาก รวมทั้ง การให้บริการด้าน Cyber Security เราจึงตั้งเป้าเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการหลักทางด้านนี้ ในอีก 1-3 ปีข้างหน้า" นายสยาม กล่าวทิ้งท้าย