สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ (STI) ผู้นำธุรกิจที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างครบวงจร มั่นใจปี 65 เดินหน้าเติบโตรับเมกะโปรเจกต์ใหญ่ภาครัฐ-เอกชน จ่อรอประมูลงานอีกเพียบ โชว์จุดแข็งพอร์ตในมือหลากหลาย นำความเชี่ยวชาญเจาะกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมที่อยู่ในเทรนด์ขาขึ้น ได้แก่ โรงพยาบาล อาคาร และคลังสินค้า หนุนโอกาสเติบโต ทำนิวไฮต่อเนื่องแบบไม่มีพัก ลั่นเป้าปี 65 รายได้ทะลุ 2,000 ลบ. จากปัจจุบันตุน Backlog ในมือแน่นกว่า 4,000 ลบ.
นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้นำกลุ่มธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจปี 65 พร้อมเติบโตรับอานิสงส์นโยบายภาครัฐเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องในงานโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและสาธารณูปโภค เพื่อวางรากฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว รวมทั้ง การขยายความเชี่ยวชาญไปยังอุตสาหกรรมที่เป็นเทรนด์การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ อาทิ การบริหารงานก่อสร้างในกลุ่มโรงพยาบาล ถือเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ในเมกะเทรนด์ที่มีการลงทุนต่อเนื่อง เพื่อรองรับสังคมสูงวัยในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีงานที่อยู่ระหว่างควบคุมการก่อสร้าง ได้แก่ ศูนย์บริการตรวจและดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็ง อาคารนวมินทราชินี และอาคารคัคณางค์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย , ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมงานบริการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย , ศูนย์การเรียนรู้และวิจัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ , โรงพยาบาลรวมใจรักษ์ บริษัท การแพทย์ สุขุมวิท 62 จำกัด
นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่จะเริ่มก่อสร้างปี 65 โดย STI ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้บริหารงานก่อสร้าง ได้แก่ RSU International Hospital ของบริษัท อาร์เอสยู ฮอสพิทอล จำกัด , โรงพยาบาลน่าน มูลนิธิกสิกรไทย ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และ ศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มูลนิธิรามาธิบดี เป็นต้น ขณะที่ ในช่วงต้นปี 64 ที่ผ่านมา STI ได้ส่งมอบงานโรงพยาบาลเมดพาร์ค โรงพยาบาลชั้นนำแห่งภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ในเครือโรงพยาบาลมหาชัย จำกัด (มหาชน) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้วยความเชี่ยวชาญของกลุ่ม STI ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมามีพอร์ตงานในมือหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ได้พึ่งพิงเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์แนวสูงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และมองว่าเป็นโอกาสให้กลุ่ม STI เข้าไปให้บริหารงานโครงการเพิ่มเติมในปีนี้ ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรม โรงงาน คลังสินค้า ศูนย์ราชการ ท่าอากาศยาน และสนามกีฬา เป็นต้น รวมทั้ง การทยอยส่งมอบงานในมือที่ยังคงอยู่ในระดับสูง สนับสนุนภาพรวมผลการดำเนินงานปี 65 เป็นอีกปีที่ STI สามารถเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ วางเป้ารายได้โตทะลุ 2,000 ล้านบาท
สำหรับงานในมือที่รอส่งมอบ (Backlog) ในปัจจุบันอยู่ที่ราว 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐบาล 70% และเอกชน 30% อาทิ งานที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างโครงการสวนป่าเบญจกิติ ระยะที่ 2-3 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมส่งมอบงานเร็วๆ นี้ อีกทั้ง งานที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภา-เมืองการบิน เฟส1, โครงการศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา, โครงการก่อสร้างตกแต่งภายในอาคารที่ทำการใหม่ กระทรวงการคลัง, ที่ปรึกษาคุมงานโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ , โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสภาวิศวกร, โครงการ One Bangkok, โครงการก่อสร้างอาคารตลาดยิ่งเจริญ และโครงการออกแบบรายละเอียดงานโยธารถไฟความเร็วสูงไทยจีนช่วงที่ 2 นครราชสีมา - หนองคาย เป็นต้น ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เสริมแกร่งการรับรู้รายได้ต่อเนื่องในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
"ในปี 64 ที่ผ่านมา แม้จะเป็นปีที่ท้าทายในการบริหารควบคุมงานก่อสร้างภายใต้สถานการณ์โควิด กลุ่ม STI ก็ยังสามารถส่งมอบงานในมือและคว้างานใหม่มาเติมพอร์ตได้อย่างแข็งแกร่ง สำหรับปีนี้เราเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกตั้งแต่ไตรมาส 4/64 ที่ผ่านมา รัฐบาลมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ และเม็ดเงินจากการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงประเมินปริมาณงานที่จะออกมาประมูลในปี 65 ยังคงอยู่ในระดับสูง หลังจากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลชะลอแผนการลงทุนออกไป สร้างความเชื่อมั่นภาคเอกชนเดินหน้าขยายการลงทุน โดยเฉพาะการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต ให้ STI เข้าไปมีส่วนร่วมในความสำเร็จ ลุยคว้างานใหญ่ต่อเนื่องได้ " นายสมเกียรติ กล่าว