'เจนเนอราลี่ กรุ๊ป' เผยความสำเร็จของธุรกิจในปี 2021 โตต่อเนื่อง ผลจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ วิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้คนหันมาใส่ใจสุขภาพและการวางแผนชีวิตมากขึ้น พร้อมเผยเป็นปีทองสร้างหลายผลงานสุดยิ่งใหญ่ ทั้งการกวาดซื้อหุ้นคืน 500 ล้านยูโรเสร็จสมบูรณ์ครั้งแรกในรอบ 15 ปี การสร้างงบดุลที่แข็งแกร่งหนี้สินลดลง การมอบผลตอบแทนผู้ถือหุ้นรวม 111% เตรียมเดินหน้าธุรกิจ ปรับกลยุทธ์ Lifetime Partner สู่การเป็น "Lifetime Partner 24: Driving Growth" ชู 3 สามเสาหลัก ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย เพิ่มอัตราผลตอบแทน และเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม
นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า "ภาพรวมการดำเนินงานในปี 2021 ของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป มีการเติบโตไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไปหลังจากการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลายคนหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพและการวางแผนชีวิตเพื่อสร้างความมั่นคงในอนาคตเพิ่มมากขึ้น ทำให้ปีที่ผ่านมานี้กลายเป็นอีกหนึ่งปีทองของเจนเนอราลี่ที่สามารถสร้างผลงานสุดยิ่งใหญ่ไว้อีกหลากหลายผลงาน ส่งผลให้ทางเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนในอีก 3 ปี ข้างหน้า ( ปี 2022-2024) ทั้งอัตราเฉลี่ยการเติบโตของกำไรต่อหุ้นที่แข็งแกร่ง 6-8% การมีกระแสเงินสดสุทธิสะสมเพิ่มขึ้น มากกว่า 3.1 แสนล้านบาท (8.5 พันล้านยูโร) การเพิ่มเงินปันผลที่เป็นเงินสดตั้งเป้าอยู่ที่ 1.9-2.1 แสนล้านบาท (5.2 - 5.6 พันล้านยูโร, ปี 2022-2024) จากเดิม 1.6 แสนล้านบาท (4.5 พันล้านยูโร,ปี 2019-2021) ซึ่งเป้าหมายเหล่านี้เกิดจากความสำเร็จในการส่งมอบผลงานที่ยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมา เช่น การกวาดซื้อหุ้นคืนมูลค่า 18 ล้านล้านบาท ในปี 2021 (500 ล้านยูโร)เสร็จสมบูรณ์ครั้งแรกในรอบ 15 ปี การสร้างงบดุลที่แข็งแกร่งด้วยหนี้สินลดลง รวมถึงการมอบผลตอบแทนผู้ถือหุ้นตลอดปี 2019-2021 ได้กว่า 111 % อันเป็นผลมาจากการปรับใช้กลยุทธ์ Lifetime Partner การใส่ใจดูแลมอบบริการที่ดีและยืนหยัดดูแลลูกค้าในทุกช่วงเวลาของชีวิต
สำหรับกลยุทธ์ทางธุรกิจในอีก 3 ปีจากนี้ (2022-2024) เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ได้เตรียมต่อยอดกลยุทธ์ Lifetime Partner สู่การเป็น "Lifetime Partner 24: Driving Growth" โดยแบ่งแนวทางการดำเนินงานออกเป็น 3 หลักใหญ่ ๆ คือ ขับเคลื่อนเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน (Drive sustainable growth) ด้วยการตั้งเป้าอัตราการเติบโตของบริการประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (non-motor) อีกกว่า 4% และภายในปี 2024 ต้องมีมูลค่าทางธุรกิจใหม่รวมกว่า 8.6-9.4 หมื่นล้านบาท (2.3-2.5 พันล้านยูโร) แนวทางต่อมาคือ การเพิ่มอัตราผลตอบแทน (Enhance earnings profile) ด้วยแนวคิดการขับเคลื่อนธุรกิจที่มีการเติบโตเพื่อสร้างผลกำไร รวมถึงการควบรวมกิจการประเภทประกันภัยและการจัดการสินทรัพย์ โดยตั้งเป้าในมูลค่า 0.94-1.12 แสนล้านบาท (2.5-3 พันล้านยูโร) และทำการเพิ่มมูลค่าในการบริหารสินทรัพย์ของกลุ่มบุคคลที่ 3 จำนวน 3.7 พันล้านบาท (100 ล้านยูโร) สุดท้ายคือ การนำนวัตกรรมมาใช้ (Lead innovation) ซึ่งเจนเนอราลี่ กรุ๊ป เตรียมงบประมาณสำหรับลงทุนด้านเทคโนโลยี 4.1 หมื่นล้านบาท (1.1 พันล้านยูโร) ในปี 2022-2024 เพิ่มขึ้นจากปี 2021 กว่า 60% อีกทั้งยังเตรียมงบประมาณอีกกว่า 9.4 พันล้านบาท (250 ล้านยูโร) สำหรับการสร้างแพลตฟอร์มกองทุนประกันเพื่อควบคุมและสร้างโอกาสที่ดีทางธุรกิจ
นอกจากนี้เจนเนอราลี่ยังมีอีกสองส่วนสำคัญที่มุ่งเน้นให้เกิดขึ้น คือ การสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคงด้วยแนวคิดการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนมาปรับใช้ในกระบวนการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ ซึ่งมีองค์ประกอบ 3 มิติ คือ "ESG" ได้แก่ Environment : การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม Social : การเห็นความสำคัญของสังคม และ Governance : ธรรมาภิบาลหรือบรรษัทภิบาล และดำเนินการตามพันธกิจในฐานะสมาชิกของ Net-Zero Asset Owner Alliance (NZIA) เพื่อสร้างการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน และการสร้างการมีส่วนร่วมและพัฒนาบุคลากรซึ่งเป็นสินทรัพย์หลัก เพื่อให้บุคลากรมีส่วนในการสร้างความสำเร็จตามแผนงานที่วางไว้ รวมถึงการส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยั่งยืน และมุ่งเน้นการเสริมสร้างวัฒนธรรมที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางและมีคุณธรรม ไปพร้อมกับการเพิ่มทักษะ (Upskill) 70% ของพนักงานในด้านดิจิทัลและกลยุทธ์ใหม่ ๆ ภายในปี 2024 นอกจากนี้จะยังคงสนับสนุนความเทียมกัน โดยเฉพาะการตั้งเป้าที่จะมีผู้หญิงอยู่ในตำแหน่งผู้นำ 40% พร้อมเปิดรับรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดที่ยั่งยืนและสมดุลในรูปแบบใหม่ในทุกส่วนงาน เพื่อให้สำคัญกับพนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในยุค "Next Normal"
ทางด้าน มร. ฟิลลิป ดอนเนท ประธานกรรมการบริหารของกลุ่ม เจนเนอราลี่ กรุ๊ป กล่าวว่า "การปรับแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจในครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งยืนยันความเป็นผู้นำในการตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าในยุค New Normal ด้วยการบริการที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความใส่ใจทุกช่วงเวลาของชีวิต และเชื่อมั่นว่าจะสามารถขับเคลื่อนเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งมอบผลประกอบการทางการเงินที่แข็งแกร่ง และช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น การให้คำมั่นสัญญาในการเป็น Lifetime Parter ทำให้เจนเนอราลี่วางลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลางของการทำงานทุกอย่าง และกลยุทธ์การดำเนินงานใหม่ของเราก็ยกระดับความสำคัญนี้มากขึ้นไปอีก ด้วยกลยุทธ์ Lifetime Partner 24: Driving Growth และตอกย้ำความเป็นผู้นำที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับลูกค้าและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เป้าหมายและแผนงานที่ได้ประกาศวันนี้มีความเป็นไปได้ เนื่องมาจากผลสำเร็จจากการแผนการดำเนินงานก่อนหน้านี้ ปัจจุบันเจนเนอราลี่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีช่องทางการสร้างรายได้ที่หลากหลาย เติบโตแบบมีผลกำไรอย่างสม่ำเสมอ และมีประวัติการให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถสร้างความสำเร็จแบบเดียวกันใน 3 ปีข้างหน้านี้ด้วยเช่นกัน"