บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR วางเป้ารายได้ปี 65 ไว้ที่ 900-1,000 ลบ. ประเมินภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์สดใส พร้อมมุ่งเน้นการขายออนไลน์เพิ่มขึ้น และมีแผนขยายตลาดต่างประเทศในกัมพูชา-เกาหลีใต้ หลังปีก่อนทำตลาดได้สำเร็จ ส่วนบริษัทย่อย ETRAN วางแผนผลิตรถ 4,000 - 5,000 คัน คาดเริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่เดือน ก.พ. และจะเริ่มผลิตรุ่น MYRA Gen2 ในเดือน พ.ค. โดยมีแผนส่งมอบในเดือน มิ.ย. 65
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปี 2565 ว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้อยู่ที่ประมาณ 900 - 1,000 ล้านบาท เพราะจะมีปัจจัยเรื่องราคาเฉลี่ยของสินค้าที่สูงขึ้น หลังประเมินว่าภาพรวมตลาดยางรถจักรยานยนต์น่าจะมีทิศทางที่ดีกว่าปีก่อน ทั้งนี้ การขยายตลาดยังคงเน้นในรูปแบบจำหน่ายทางตลาดออนไลน์เป็นหลัก เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ส่วนตลาดต่างประเทศบริษัทฯ จะมุ่งเน้นขยายตลาดในกัมพูชา และเกาหลีใต้ หลังจากปีก่อนบริษัทฯ สามารถเข้าไปสู่ตลาด 2 ประเทศนี้ได้แล้ว โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ในปีนี้น่าจะยังคงใกล้เคียงเดิม คือ ต่างประเทศ 60% และในประเทศ 40%
"แผนปีนี้บริษัทฯได้วางกลยุทธ์สั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้าไว้บางส่วน เพราะมั่นใจว่าแนวโน้มของราคาวัตถุดิบยังคงเป็นขาขึ้น แต่คงไม่ปรับตัวขึ้นแรงเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเรายังคงเป้าหมายเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืน มีหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม พร้อมมุ่งยกระดับสินค้า บริการ และธุรกิจด้วยกระบวนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นบริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน" นายชัยสิทธิ์ กล่าว
ส่วนแผนธุรกิจของบริษัท อีทราน (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ ETRAN ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนถือหุ้นในสัดส่วน 35% ว่า เตรียมวางแผนผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในปีนี้ประมาณ 4,000 - 5,000 คัน หลังจากที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้ในปีที่ผ่านมาและได้ปรับปรุงคุณสมบัติของรถแล้ว โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มส่งทยอยมอบรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และจะเริ่มผลิตรุ่น MYRA Gen2 ในเดือนพฤษภาคม โดยมีแผนทยอยส่งมอบรถให้กับผู้ใช้เดือนมิถุนายน 2565 นี้
สำหรับกระแสตอบรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของ ETRAN ค่อนข้างดี โดยมาจากสมรรถนะของรถที่ตอบโจทย์ต่อผู้ใช้งาน ทำให้คาดว่าจะส่งผลสนับสนุนต่อยอดการผลิตที่เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต