บมจ.บีบีจีไอ หรือ BBGI โชว์ศักยภาพผู้นำอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมสีเขียว ชูจุดแข็งกลุ่มผู้ถือหุ้นบางจากและกลุ่มน้ำตาลขอนแก่น ต่อยอดสู่ผู้สร้างสรรค์ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง (High Value Bio-Based Products: HVP) เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับทุกคน ล่าสุดสำนักงาน ก.ล.ต.นับ 1 แบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ("BBGI") เปิดเผยว่า BBGI เป็นผู้นำธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ ในประเทศไทย พร้อมต่อยอดองค์ความรู้ความชำนาญสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง ซึ่งสามารถเพิ่มมูลค่าผลิตผลทางการเกษตรแบบก้าวกระโดด ลดการเบียดเบียนทรัพยากรธรรมชาติ และ สร้างความยั่งยืนให้แก่โลก
โดยปัจจุบัน BBGI ถือหุ้นในบริษัทย่อย 4 บริษัท ได้แก่ บมจ.เคเอสแอล กรีน อินโนเวชั่น (KGI) ผู้ผลิตและจำหน่ายเอทานอลที่ใช้กากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบในการผลิต ในสัดส่วนร้อยละ100 ของทุนชำระแล้ว บริษัทบางจากไบโอเอทานอล (ฉะเชิงเทรา) จำกัด (BBE) ผู้ผลิตและจำหน่ายเอทานอลโดยใช้มันสำปะหลังสดและมันสำปะหลังเส้นเป็นวัตถุดิบในการผลิต ในสัดส่วนร้อยละ 85 ของทุนชำระแล้ว บริษัทบางจากไบโอฟูเอล จำกัด (BBF) ผู้ผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซล โดยใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ในสัดส่วนร้อยละ 70 ของทุนชำระแล้ว บริษัท บีบีจีไอ ยูทิลิตี้ แอนด์ เพาเวอร์ จำกัด (BUP) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านสาธารณูปโภคและพลังงาน ในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนชำระแล้ว
นอกจากนี้ BBGI ยังถือหุ้นในกิจการร่วมค้าที่ประกอบธุรกิจอื่น ได้แก่ บริษัท วิน อินกรีเดียนส์ จำกัด (WIN) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง ในสัดส่วนร้อยละ 51 ของทุนชำระแล้ว อีกทั้ง BBGI ยังมีการลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิ์ที่แปลงสภาพได้ของ Manus Bio Inc. (Manus) ซึ่งจดทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกา ในสัดส่วนร้อยละ 5.6 ของทุนชำระแล้ว ซึ่ง Manus ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงและมีความเชี่ยวชาญหลากหลายในผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง และยังลงทุนใน บมจ. อุบล ไบโอ เอทานอล ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล และแป้งมันสำปะหลัง ในสัดส่วนร้อยละ 12.4 ของทุนชำระแล้ว อีกด้วย
BBGI มีรายได้เติบโตต่อเนื่องในปี 2561-2563 จำนวน 9,802 ล้านบาท 10,060 ล้านบาท และ 12,620 ล้านบาทตามลำดับ จากธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งมีปริมาณการจำหน่ายมากขึ้นตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของโรงงานผลิตเอทานอลและไบโอดีเซล รวมไปถึงการจำหน่ายเอทานอลเกรดอุตสาหกรรม และเกรดเภสัชกรรม เพื่อนำไปผลิตเจลแอลกอฮอล์ในช่วงการระบาดของ Covid-19 ในขณะที่กำไรสุทธิของ BBGI เติบโตต่อเนื่องในปี 2561-2563 จำนวน 200 ล้านบาท 450 ล้านบาท และ 1,112 ล้านบาทตามลำดับ ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 BBGI มีรายได้รวม 10,122 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.63 และมีกำไรสุทธิ 1,058 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.27 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
นางสาวบุษราภรณ์ จันทร์ชูเชิด รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจาก BBGI ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 433.20 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 2.50 บาท คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดนั้น ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับ 1 แบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BBGI แบ่งเป็น
นอกจากนี้ ยังจัดสรรหุ้นสามัญส่วนเกิน (Over-Allotment) จำนวนไม่เกิน 43.32 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่เสนอขายในครั้งนี้ เพื่อรองรับการใช้สิทธิจัดสรรหุ้นเกินกว่าจำนวนที่เสนอขาย (หากมีการใช้สิทธิ) อีกด้วย
ทั้งนี้ BBGI จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ส่วนหนึ่งนำไปลงทุนลงทุนในโครงการต่างๆ ของ BBGI และบริษัทย่อย เพื่อขยายกิจการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ส่วนที่เหลือจะใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วน รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน