นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM เปิดเผยว่า ตลอดปี 2564 ที่ผ่านมา นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยต่างฝากความหวังไว้กับการกลับมาเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ในขณะที่มีความท้าทายเข้ามาเป็นระยะ เช่น การเกิดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า และส่งท้ายปีด้วยการเกิดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้บางประเทศในแถบยุโรปต้องกลับมาใช้มาตรการล็อคดาวน์ รวมถึงคุมเข้มการเดินทางทางอากาศเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ในส่วนของภาพรวมเศรษฐกิจไทยนับว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว โดยเวลานี้อาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงฟ้าเปิดที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ จะเริ่มทยอยดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพียงแต่การกลับไปสู่จุดที่เคยเป็นก่อนวิกฤติการณ์โควิด-19 ยังคงต้องใช้เวลา เนื่องจากมีปัจจัยภายนอกที่ไม่แน่นอน เช่น นโยบาย Zero-Covid ของจีน ซึ่งห้ามไม่ให้ประชาชนเดินทางไปยังต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อรายได้ภาคบริการและการท่องเที่ยวเกือบ 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้ามาในประเทศไทยในแต่ละปี
อีกหนึ่งปัจจัยคือ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้รูปแบบแนวทางต่างๆ ไม่กลับไปเป็นเช่นเดิม ยกตัวอย่างเช่น การเดินทางเพื่อธุรกิจที่อาจลดลง ด้วยมีการนำ Virtual Meeting มาใช้มากขึ้น การทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ที่จะยังคงมีอยู่ต่อไป ผนวกกับการอาศัยเทคโนโลยีแพลตฟอร์มการสื่อสารธุรกิจ (Business Communication Platform) ต่างๆ ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับธุรกิจแบบดั้งเดิมให้ต้องปรับตัวเข้าสู่สภาพแวดล้อมใหม่ในที่สุด
จากการวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมซึ่งมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจและสถานการณ์การลงทุน รวมถึงแนวโน้มการลงทุนในธุรกิจที่มีความรับผิดชอบตามมาตรฐานที่ยอมรับในระดับสากล โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และตระหนักถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ที่ BBLAM นำมาเป็นหลักการประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างต่อเนื่องเสมอมา จึงสะท้อนมุมมองธีมการลงทุนสำหรับปี 2022 คือ "Blue Sky, Green Ocean" ซึ่งนักลงทุนสามารถใช้ธีมนี้สำหรับการลงทุนต่อเนื่องไปในระยะยาว
นายสันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน BBLAM กล่าวเสริมในเชิงลึกภายใต้ธีมการลงทุน "Blue Sky, Green Ocean" โดยเห็นว่าตลาดหุ้นมักจะตอบรับข่าวดีไปล่วงหน้าก่อนเศรษฐกิจ ซึ่งเศรษฐกิจไทยเวลานี้เตรียมพร้อมกลับสู่ช่วงขาขึ้น จากการท่องเที่ยวที่กำลังจะกลับมาฟื้นตัว จึงถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนในหุ้นไทย ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ทั่วโลกให้ความสำคัญกับ ESG ในลำดับต้นๆ ผู้บริโภคเน้นมองหาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Eco-Friendly มากขึ้น ตลอดจนการใส่ใจกับคุณภาพชีวิตของตนเองและคนที่รัก ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจต่างออกมาปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน เช่น บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่ตั้งเป้าจะใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลได้ทั้ง 100% ภายในปี 2025 หรือบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ตั้งเป้าหมายจะเป็นบริษัทที่ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ (Climate positive) ซึ่งเป็นอีกขั้นกว่าของการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ (Carbon neutral) ภายในปี 2030 หรือยอดขายของยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เติบโตมาก ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์เกือบทุกค่ายทยอยเปิดตัวรถยนต์ EV ในปีที่ผ่านมา
จากปัจจัยนี้เอง ทำให้เห็นว่าการลงทุนที่สอดคล้องกับเทรนด์ใส่ใจสิ่งแวดล้อมคือแนวโน้มที่กำลังเติบโตได้ในระยะยาว สอดคล้องกับแนวคิด ESG ที่ BBLAM เห็นความสำคัญมาก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากมองว่า ESG จะเป็นส่วนสนับสนุนให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน ช่วยลดความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบเชิงลบทางธุรกิจ อันจะนำมาซึ่งผลการดำเนินงานที่มีโอกาสเติบโตได้อย่างมั่นคง
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน