ผู้ถือหุ้น EFORL ไฟเขียวปรับโครงสร้างทุน รวมพาร์จาก 0.075 บาท/หุ้น เป็น 0.75 บาท/หุ้น พร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญรุ่นที่ 5 (EFORL-W5) และรุ่นที่ 6 (EFORL-W6) จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมจำนวนไม่เกิน 1,199,359,483 หุ้น คาดได้เงินจากการระดมทุนกว่า 2.1 พันล้านบาท ฟากซีอีโอ "ปรีชา นันท์นฤมิต"เตรียมนำเงินขยายธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์เต็มสูบ มั่นใจอนาคตไปได้สวยสอดคล้องเมกะเทรนด์ ตั้งเป้ารายได้ปี 65 พุ่งแตะ 2.4 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 20% เทียบปีที่ผ่านมา
นายปรีชา นันท์นฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) (EFORL) ตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) ของบริษัทฯ จากเดิมมูลค่าหุ้นละ 0.075 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 0.75 บาท พร้อมทั้งอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 1,199.36 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.75 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 5 (EFORL-W5) และรุ่นที่ 6 (EFORL-W6)
โดยการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทรุ่นที่ 5 (EFORL-W5) จำนวนไม่เกิน 799,572,989 หน่วย เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ในอัตราส่วน 5:1 เสนอขายในราคา 0.40 บาทต่อหน่วย อายุ 1 ปี ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 1 บาท และใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทรุ่นที่ 6 (EFORL-W6) จำนวนไม่เกิน 399,786,494 หน่วยให้แก่ถือหุ้นเดิมที่ใช้สิทธิจองซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิ รุ่นที่ 5 (EFORL-W5) ตามสัดส่วน 2:1 ( 2 หน่วย EFORL-W5 ต่อ 1 หน่วย EFORL-W6) เสนอขายโดยไม่คิดมูลค่าอายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปีนับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ และราคาใช้สิทธิจะเท่ากับ 2.50 บาท
"หากบริษัทฯได้รับเงินจากการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ และผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเต็มจำนวน จะได้เม็ดเงินระดมทุนประมาณ 2,100 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี ทำให้สามารถมีโอกาสขยายงานใหม่ๆ ผลักดันผลการดำเนินงานโตแบบก้าวกระโดด นำไปสู่การปลดเครื่องหมาย C ได้เร็วขึ้น"
สำหรับเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เป็นจำนวนมาก และรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์เชื่อมต่อทางการแพทย์ IOMT (Internet of Medical Things) และลดสัดส่วน D/E Ratio ทำให้โครงสร้างทางการเงินมีความแกร่ง ส่งผลดีกับบริษัทฯในระยะยาว
ประธานเจ้าหน้าบริหาร EFORL กล่าวอีกว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโต 20% จากปีที่ผ่านมามีรายได้รวมมากกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการขยายตลาดในส่วนของฐานลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ รวมทั้งการขยายในส่วนของผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้น และธุรกิจเกี่ยวเนื่องทางเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งธุรกิจดังกล่าวมีการเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต อยู่ใน Mega Trend และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ยิ่งเป็นอีกปัจจัยหนุนสำคัญ ที่ส่งผลให้ความต้องการเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย