บมจ. ไทยรับประกันภัยต่อ THRE แจ้งผลประกอบการไตรมาส4/2564 เบี้ยประกันภัยยังเติบโตต่อเนื่อง และขาดทุนลดลง พร้อมตั้งสำรองรับมือการระบาดโควิดไปจนหมดอายุกรมธรรม์ "เจอ-จ่าย-จบ" โดยเมษายนนี้ 90% ของกรมธรรรม์เกี่ยวกับโควิดจะสิ้นสุดลง เตรียมเดินหน้านำบริษัทลูก "EMCS" เข้าตลาดหลักทรัพย์ ผู้บริหารมั่นใจธุรกิจปี 2565 พลิกฟื้นหลังผลกระทบ COVID-19 ผ่านจุดต่ำสุด
นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) (THRE) ผู้ให้บริการด้านการรับประกันภัยต่อ (Professional Reinsurer)ครอบคลุมทั้งการรับประกันภัยทรัพย์สิน อุบัติเหตุ วิศวกรรม ภัยทางทะเลและการขนส่งสินค้า เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ปี2564 จำนวนเบี้ยประกันภัยต่อรับยังคงเติบโตต่อเนื่องจำนวน 1,044 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2564 จากการขยายตัวในกลุ่มประกันภัยส่วนบุคคลทั้งสุขภาพและรถยนต์ รวมถึงประกันภัยเพื่อธุรกิจการค้า เช่น อสังหาริมทรัพย์ ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น
ในส่วนของผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิจำนวน 143 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 3 เนื่องจากบริษัทฯได้ตั้งสำรองเพิ่มเติมเพื่อรองรับผลกระทบจากการติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน ที่คาดว่าจะระบาดในช่วงต้นปีนี้ไปถึงกลางไตรมาส 2/2565 โดยกรมธรรม์ที่เกี่ยวกับการรับประกันโควิดของบริษัท 90% จะสิ้นสุดลงภายในเมษายนนี้ ทั้งนี้หากไม่รวมผลกระทบจาก COVID-19 ซึ่งโดยส่วนใหญ่มาจากค่าสินไหมทดแทนของเบี้ยประกันภัยประเภท เจอ จ่าย-จบ ไตรมาส 4/2564 บริษัทฯ จะมีกำไรจากการรับประกันภัยต่อจำนวน 58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 123% จากค่าสินไหมทดแทนในส่วนของการรับประกันภัยประเภทรถยนต์และประกันภัยทรัพย์สินที่มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น
สำหรับผลประกอบการปี 2564 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยต่อรับจำนวน 4,407 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยต่อรับสุทธิจำนวน 4,033 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน โดยยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายตัวในกลุ่มประกันภัยส่วนบุคคลทั้งสุขภาพและรถยนต์ รวมถึงประกันภัยเพื่อธุรกิจการค้า เช่น อสังหาริมทรัพย์ ที่มีการ ขยายตัวเพิ่มขึ้น กรณีไม่รวมผลกระทบจาก COVID-19 ซึ่งโดยส่วนใหญ่มาจากค่า สินไหมทดแทนของเบี้ยประกันภัยประเภท เจอ-จ่าย-จบ บริษัทฯ จะมีกำไรจากการรับประกันภัย 279 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีผลกำไร 54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 417% เนื่องจากผลของมาตรการ lockdown และ ข้อจำกัดการเดินทาง ที่ทำให้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนของการรับประกันภัยประเภทรถยนต์ลดลง และผลการรับ ประกันภัยทรัพย์สินที่ปรับตัวดีขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เห็นชอบแผนนำเสนอผู้ถือหุ้น THRE อนุมัตินำบริษัท EMCS Thai (EMCS) ซึ่งเป็นบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเตรียมความพร้อมคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 3-4 ของปีนี้ โดยบริษัทจะได้ประโยชน์ ด้านเงินทุน, การลงทุนในระบบ IT, การขยายธุรกิจไปให้บริการในต่างประเทศ จากจุดแข็งของ EMCS ด้านเทคโนโลยี และ DATA จากจำนวนลูกค้าที่บริษัททำเคลมปีละไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านเคลม, ด้านเครือข่าย โดยมีอู่ที่ให้บริการกว่า 4,000 อู่ มีโรงพยาบาลเครือข่ายกว่า 400 แห่ง และฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ทำให้การขยายธุรกิจ เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
"แนวโน้มธุรกิจปีนี้มั่นใจผลประกอบการจะพลิกฟื้นได้ หลังผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ลดลงอย่างชัดเจนในไตรมาส 4/2564 และยืนยันบริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในส่วนบริษัทประกันภัยที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต และยืนขอเพิกถอนใบอนุญาต" นายโอฬารกล่าว