ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นประธานในพิธีเปิดบูธนิทรรศการ กฟผ. ภายในงาน World Expo 2020 Dubai โดยได้รับเกียรติจาก นายชัยรัตน์ ศิริวัฒน์ กงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมคณะ รวมถึงคณะผู้บริหาร กฟผ. และผู้บริหารจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เข้าร่วมพิธี
ดร.จิราพร ศิริคำ กล่าวว่า กฟผ. นำนิทรรศการมาแสดงภายใต้แนวคิด "EGAT Smart Energy Solutions" บริเวณพื้นที่ Semi-outdoor จำนวน 48.6 ตารางเมตร ด้านหน้าอาคาร Thailand Pavilion โดยนำเสนอภาพรวมของบริษัทในกลุ่ม กฟผ. (EGAT Group) ซึ่งประกอบด้วย กฟผ. บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (RATCH) บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (EGATi) และบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการออกแบบบริการ รองรับความต้องการของอุตสาหกรรมพลังงานในตลาดโลก ด้วย 3 สุดยอดผลงานดังนี้
1. นวัตกรรม REX Platform:
จากความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าที่ให้ความสำคัญต่อการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ทั้งการเลือกใช้ไฟฟ้า ที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียน ในชั่วโมงเดียวกับการใช้ไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจริง กฟผ. จึงได้พัฒนา REX Platform เพื่อตอบโจทย์ การส่งมอบพลังงานสะอาด รายชั่วโมงดังกล่าวด้วยกลไก Renewable Energy Certificate (Time-based REC) โดย กฟผ. ได้พัฒนา"โครงการนำร่องการส่งมอบพลังงานหมุนเวียนรายชั่วโมงด้วย REC (24/7 REC pilot project)" เพื่อทดสอบการส่งมอบ Time-based REC ตั้งแต่การรวบรวมข้อมูลการผลิตและการใช้ไฟฟ้า การจับคู่ (Matching) การรับรอง (REC Issuance) และการไถ่ถอน (REC Redemption) แบบอัตโนมัติ กับมาตราฐาน The International REC Standard (I-REC) การสนับสนุนการเข้าถึง พลังงานสะอาดในระดับรายชั่วโมงดังกล่าว ไม่เพียงส่งเสริม การพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้า จากพลังงานหมุนเวียน แต่ยังเป็นการส่งเสริมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานด้วย โดย กฟผ. มีแผนนำโครงการกักเก็บพลังงานต่างๆ ในระบบส่งของ กฟผ. เข้าสนับสนุนการส่งมอบพลังงานสะอาดให้ผู้เข้าร่วมโครงการด้วย เพื่อเร่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality 2050
2. Hydro-Floating Solar Hybrid Power Plant หรือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ โดยโชว์ความสำเร็จล่าสุดของ กฟผ. กับโซลาร์เซลล์ลอยน้ำระบบไฮบริดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ซึ่งจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2564 ในตัวโครงการทุ่นลอยน้ำ กฟผ. มีการพัฒนาระบบบริหารจัดการพลังงาน Hybrid-EMS (Hybrid-Energy Management System) ควบคุมโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้ง 2 แหล่ง(พลังงานน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์)ให้ผลิตและจ่ายไฟฟ้าตามศักยภาพของพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดความไม่แน่นอนของพลังงานหมุนเวียน ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องยาวนานขึ้น โครงการสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO2) ได้ประมาณ 47,000 ตัน/ปี ช่วยลดการระเหยของน้ำในเขื่อนได้ 460,000 m3/ปี ในอนาคต กฟผ. มีแผนที่จะพัฒนาโครงการฯ รวม16โครงการ บนพื้นที่ผิวน้ำของเขื่อนหลัก กฟผ. ทั่วประเทศ รวมกำลังการผลิตทั้งหมด 2,725 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ กฟผ. ยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนโดยรอบ ได้มีการสร้างทางเดินชมธรรมชาติ (Nature walkway) ให้ประชาชนสามารถชมวิวโครงการฯ ช่วยสร้างอาชีพเสริมรายได้ให้กับชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดในภาพรวมต่อไป
3. ผลงานนวัตกรรมด้าน EGAT Business Solutions กฟผ. นำโครงการด้าน EGAT Smart Energy ไปจัดแสดง จำนวน 2 โครงการ ได้แก่
- โครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน (ERC Sandbox) ที่ กฟผ. ได้รับอนุมัติจาก กกพ. ให้ร่วมส่งเสริมรูปแบบธุรกิจใหม่ด้านพลังงานและสนับสนุนให้เกิดการทดสอบเทคโนโลยีทางด้านพลังงานในสภาพแวดล้อมของการใช้งานจริง โดยมี โครงการ TU EGAT Energy โครงการศรีแสงธรรมโมเดล และ โครงการ ENGY Energy is Yours
- โครงการ ENZY หรือ ENZY Platform (Easy ways to save energy)
กฟผ. ก้าวเข้าสู่การให้บริการ Platform เพื่อช่วยบริหารจัดการพลังงานกับผู้ที่ต้องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าไฟฟ้า โดยติดตั้งอุปกรณ์ IoTs ที่มีเสถียรภาพ ติดตั้งง่าย ต้นทุนไม่สูง สำหรับติดตาม และพยากรณ์การใช้พลังงานไฟฟ้า พร้อมให้คำแนะนำการลดปริมาณการใช้พลังงาน โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการพลังงานร่วมกับเทคโนโลยี AI ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งบน web Application และ Mobile
ปัจจุบันนำร่องใช้งาน ENZY Platform แล้วที่นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 3 ในพื้นที่เขต EEC และอยู่ระหว่างขยายบริการไปยังอาคาร สำนักงาน และบ้านพักอาศัย