บี.กริม เพาเวอร์ รายได้ปี 2564 เติบโต 5.8% ลุยซื้อกิจการ ขยายกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์ พร้อมวางรากฐานสู่การเติบโตในอนาคต

ข่าวเศรษฐกิจ Friday February 25, 2022 08:55 —ThaiPR.net

บี.กริม เพาเวอร์ รายได้ปี 2564 เติบโต 5.8% ลุยซื้อกิจการ ขยายกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์ พร้อมวางรากฐานสู่การเติบโตในอนาคต

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยถึงผลประกอบการในปี 2564 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ เติบโต 5.8% เป็น 46,628 ล้านบาท ปริมาณไฟฟ้าที่จำหน่ายเพิ่มขึ้น 2.4% อยู่ที่ 14,794 กิกะวัตต์-ชั่วโมง จากการขยายธุรกิจต่อเนื่องทั้งด้านฐานลูกค้าอุตสาหกรรมที่มีลูกค้าใหม่ 43.1 เมกะวัตต์ การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 16 เมกะวัตต์ในประเทศไทยเมื่อเดือนสิงหาคม อย่างไรก็ดี ด้วยราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตหลักปรับตัวสูงขึ้น 8.8% เป็น 266 บาทต่อล้าน BTU ในปี 2564 และอยู่ที่ 335 บาทต่อล้าน BTU ในไตรมาส 4/2564 กำไรสุทธิจากการดำเนินงานจึง ลดลง 6.8% เป็น 2,440 ล้านบาท

ถึงแม้ว่าในปี 2565 ถือเป็นปีที่แนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น ทาง BGRIM ได้มีการเตรียมความพร้อมโดยเร่งลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายซึ่งคาดว่าจะประหยัดได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทในปีนี้ เดินหน้านำเข้าก๊าซ LNG ในต้นปีหน้าซึ่งคาดว่าจะประหยัดต้นทุนส่วนนี้ได้ราว 7-10% ควบคู่ไปกับแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องโดยในปี 2565 จะปรับปรุงโครงการ BPWHA และ ABP4 คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติลง 20-25 ล้านบาทต่อปี ในส่วนของการขยายธุรกิจตั้งเป้าเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์ในปีนี้และจะ COD โรงไฟฟ้า SPP 5 โครงการทดแทน รวม 700 เมกะวัตต์ ซึ่งจะลดอัตราการใช้ก๊าซลงราว 15% อีกด้วย

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ได้ให้ความสำคัญต่อการวางรากฐานสำหรับความพร้อมในอนาคต ประกอบด้วย

  • มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ ภายในปี 2593 บี.กริม เพาเวอร์ มุ่งปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าเพื่อลดอัตราการใช้ก๊าซ ขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการศึกษากระบวนการดักจับคาร์บอน และการลงทุนในเชื้อเพลิงทางเลือก
  • ดิจิทัล ทรานฟอร์เมชั่น การนำดิจิทัล ทวิน มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าและลดการหยุดซ่อมฉุกเฉิน รวมถึงนำมาใช้วิเคราะห์ความเสี่ยงเชิงปริมาณและเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด
  • การปรับปรุงกระบวนการทำงานและแผนการควบคุมค่าใช้จ่าย ซึ่งเริ่มจาก 4 กระบวนการหลักของธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดกระบวนการที่ไม่เกิดมูลค่า ขณะที่แผนการควบคุมค่าใช้จ่ายสามารถลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ได้ 19.4% หรือ 368 ล้านบาท ในปี 2564
  • เดินหน้าเตรียมนำเข้า LNG เพื่อช่วยในการบริหารต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติ และถือเป็นเชื้อเพลิงสำคัญที่ช่วยในการเปลี่ยนผ่านจากถ่านหินไปสู่พลังงานสะอาด
  • โครงการนำร่อง Energy Trading ที่อาคารสำนักงานของ บี.กริม เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าและเสริมบริการโซลูชั่นแก่ลูกค้า ในอนาคต
  • จับมือพันธมิตรชั้นนำเพิ่มความแข็งแกร่งในการขยายธุรกิจ อันเป็นกลยุทธ์หลักของ บี.กริม ที่ยึดถือต่อเนื่องมายาวนาน ทั้งกับ AMATA, SCG, PTT Global LNG, UV, นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย, ReNIKOLA, Truong Thanh Energy, Renewable Energy Korea และ VisaVento
  • ในปีนี้ บี.กริม ได้ดำเนิน "โครงการนวัตกรรม" โดยร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ Global Innovation Catalyst (ซึ่งเป็นที่ปรึกษาที่มีเครือข่ายทั่วโลก มีประสบการณ์การทำงานกว่าทศวรรษใน Silicon Valley) เพื่อสร้างวัฒนธรรมนวัตกรรมและความพร้อมสำหรับ บี.กริม ในอนาคต และได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยกับพันธมิตรทางธุรกิจ หลายแห่ง เพื่อเสริมสร้างและสนับสนุนนวัตกรรมในประเทศไทย

    จากมติที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา บี.กริม เพาเวอร์ ได้อนุมัติกรอบการออกหุ้นกู้เพิ่มสู่ระดับ 100,000 ล้านบาท ในระหว่างปี 2565-2569 เพื่อเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างการเงินที่แข็งแรง รองรับการเติบโตมุ่งสู่เป้าหมาย 10,000 เมกะวัตต์ และประกาศจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลังในอัตราหุ้นละ 0.27 บาท คงอัตราการจ่ายปันผลที่ 45% ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 11 มีนาคม 2565 และวันที่จ่ายปันผล คือ 12 พฤษภาคม 2565 โดยจะนำเสนอขออนุมัติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ต่อไป


    เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ