'ทีวี ไดเร็ค' หรือ TVD เตรียมประกาศโรดแมป 2565 เร่งปรับโครงสร้างธุรกิจเร็วขึ้น 1 ปี เร่งเครื่องลงทุนขยายธุรกิจใหม่หนุนการเติบโตยั่งยืน หลังบอร์ดอนุมัติเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 2565 ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตรา 1 ต่อ 1 จำนวน 895,414,919 หุ้น และออกวอแรนต์ รุ่นที่ 3 จำนวนไม่เกิน 223,853,730 หน่วย แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน อัตรา 4 ต่อ 1 มั่นใจหลังจากทรานส์ฟอร์มและขยายธุรกิจใหม่เพิ่มความแข็งแกร่ง
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD เปิดเผยว่าบริษัทฯ วางโรดแมปมุ่งปรับโครงสร้างธุรกิจภายในระยะเวลาที่เร็วขึ้นกว่าเดิม 1 ปี โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ที่จะสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตอย่างยั่งยืน และเพื่อรองรับแผนลงทุนในครั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 คณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 559,634,324.50 บาท จากทุนจดทะเบียน 447,707,459.50 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 1,007,341,784 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,119,268,649 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering หรือ RO) ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญที่ออกใหม่ รวมทั้งสิ้น 895,414,919 หุ้น ส่วนราคาเสนอขายจะกำหนดตามราคาตลาดและกำหนดส่วนลดประมาณร้อยละ 10 ของราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้น TVD ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ย้อนหลัง 15 วันทำการติดต่อกันก่อนวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 (ตั้งแต่ 3 - 24 กุมภาพันธ์ 2565) ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 เพื่อพิจารณาการออกและเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ (วอร์แรนต์) รุ่นที่ 3 จำนวนไม่เกิน 223,853,730 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนโดยไม่คิดมูลค่า อัตราส่วน 4 หุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TVD กล่าวว่า วัตถุประสงค์การเพิ่มทุนครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินมาใช้ในแผนปรับโครงสร้างธุรกิจและขยายธุรกิจใหม่ที่ไม่ใช่ทีวีช้อปปิ้งหรืออีคอมเมิร์ซ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ทรานส์ฟอร์มชั่นด้วยการลงทุนสตาร์ทอัพบริษัท ฟู้ด ออเดอรี่ จำกัด (Food Ordery) บริษัทร่วมทุนกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ทำธุรกิจแพลตฟอร์ม ลงทุนในบริษัท อี๊ตแล็บ จำกัด หรือ EATLAB สตาร์ทอัพธุรกิจโซลูชั่นจัดการร้านอาหาร 'Blockfint' สตาร์ทอัพ Fintech และ 2Read สตาร์ตอัพ Edtech รวมทั้งการพัฒนาธุรกิจที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล ทั้งระบบจัดการธุรกิจออนไลน์ (Fulfillment) ภายใต้ Xpresso การบริหารสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้า (Direct response Agency) เพื่อต่อยอดเทคโนโลยีและให้บริการลูกค้า การให้บริการพัฒนาระบบไอทีและเทคโนโลยี และการบริหารกระบวนการทางธุรกิจให้กับองค์กร (Business Process Outsourcing) ได้แก่ การให้บริการทางโทรศัพท์ และการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตรับกับยุคดิจิทัล และคาดว่าจะสนับสนุนผลการดำเนินงานฟื้นตัว
ทั้งนี้ ปี 2564 นับเป็นปีแห่งความท้าทายกับการบริหารธุรกิจในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศถดถอย กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง และสิ่งสำคัญคือความต้องการซื้อสินค้าของผู้บริโภคลดลงตามไปด้วย ประกอบกับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่มีผลต่อพฤติกรรมการช้อปปิ้งของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าปี 2564 บริษัทฯ มุ่งมั่นทรานส์ฟอร์มธุรกิจโดยขับเคลื่อนธุรกิจสู่การช้อปปิ้งบนช่องทางออนไลน์ ส่งผลให้รายได้จากช่องทางอีคอมเมิร์ซเติบโต แต่ยังไม่สามารถทดแทนกับรายได้ทีวีโฮมช้อปปิ้งที่ลดลง
ทั้งนี้ การเติบโตของช่องทางออนไลน์และโซเชียล คอมเมิร์ซ เช่น การไลฟ์สดเพื่อขายสินค้าที่ได้รับความนิยม เป็นต้น ส่งผลต่อกระทบต่อทีวีโฮมช้อปปิ้ง เนื่องจากจำนวนผู้ชมทีวีดิจิทัลลดลง สะท้อนจากอัตราการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือเรตติ้งผู้ชม (Gross Rating Point) ทีวีดิจิทัลในปี 2564 อยู่ที่ 7.193 ลดลงถึง 20% เทียบกับจากปี 2560 อยู่ที่ 9.045 นอกจากนี้ธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้งยังได้รับผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนช่องสัญญาณทีวีดาวเทียม ส่งผลให้ผู้ชมและจำนวนกล่องรับสัญญาณลดลงเหลือ 10 ล้านกล่อง จากเดิม 14 ล้านกล่อง เนื่องจากจะต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญารุ่นใหม่ ขณะที่การเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัทฯ ไม่สามารถทำได้ตามแผนงานที่วางไว้ เนื่องจากปัญหาซัพพลายเชนดิสรัปชั่น ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,756 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 260 ล้านบาท