บมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) สุดยอด! โชว์รายได้และกำไรปี64 พุ่งแตะออลไทม์ไฮ โดยรายได้แตะ 2,167.7 ล้านบาท และกำไร 329 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 899% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผลจากอุตสาหกรรมส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ฟื้นชัด ออเดอร์ล้นช่วงท้ายปี ราคาขายปรับตัวสูงขึ้น คุมต้นทุนการผลิตได้ดี ดันมาร์จิ้นพุ่ง ขณะที่บอร์ดใจดีอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลอัตรา 0.07 บาทต่อหุ้น (1 ก.ค. - 31 ธ.ค.) เตรียมขึ้น XD วันที่ 6 พฤษภาคม 65 ฟาก"สมพล ธนาดำรงศักดิ์"ระบุปักหมุดปี65 ออลไทม์ไฮทุกมิติ ประเมินยอดขายอินเดียฟื้นแรง ลุยประมูลงานใหม่เพียบ หนุน Backlog พุ่งแตะ 1,000 ลบ.
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด(มหาชน)หรือ FPI เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดปี 2564 บริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 329 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 899% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 32.9 ล้านบาท โดยเป็นระดับกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 2,167.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.7%จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 1,856.8 ล้านบาท
ปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมการส่งออกมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศมีผลกระทบรุนแรงลดลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันกลับมาทำธุรกิจมากขึ้นความต้องการใช้ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์กลับมาฟื้นตัวได้เร็ว ทำให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะไตรมาส4/2564ยอดขายฟื้นตัวอย่างชัดเจน ขณะที่ราคาวัตถุดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ราคาขายสินค้าก็สามารถปรับตัวได้มากขึ้นด้วย
"ในส่วนของการเติบโตของยอดขายในโซนเอเซียและตะวันออกกลาง ที่มีอุปสงค์เพิ่มขึ้น เนื่องจากเกิดภาวะวิกฤติทางด้านพลังงานในประเทศจีนทำให้คู่แข่งทางการค้าในจีนมียอดผลิตที่ลดลงและต้องตั้งราคาขายสูงขึ้นขณะเดียวกันบริษัทเซ็นสัญญาค่าขนส่งของทวีปอเมริกาใต้ล่วงหน้า ทำให้ลูกค้าซื้อสินค้ามากขึ้น นอกจากนี้ยอดขายต่างประเทศของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นใน อีก 3 โซนหลัก คือ ออสเตรเลีย แอฟริกา และยุโรป"
"นอกจากนี้บริษัทยังสามารถขึ้นราคาสินค้ากับลูกค้าได้ร้อยละ 5-10 เนื่องจากการที่ราคาวัตถุดิบทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันบริษัทได้ทำสัญญาซื้อวัตถุดิบ โดยเฉพาะเม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์และสี และสินค้าซื้อมาขายไป เป็นการล่วงหน้าเป็นเวลา 6-12 เดือน ประกอบกับประสิทธิภาพในการผลิตที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ต้นทุนของเสียในการผลิตลดลงทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี"
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 103,112,095.38 ล้านบาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565
"ในปี2564 เป็นปีที่ดี บริษัทฯมีความสามารถในการทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ และสามารถปรับตัวราคาสินค้าได้เพิ่มขึ้นทำให้มีกำไรมากขึ้น ขณะที่ประสิทธิภาพควบคุมต้นทุนทำได้ดีโดยเฉพาะในเรื่องต้นทุนค่าขนส่งมีการวางแผนที่ดีทำให้สามารถรักษาความสามารถการทำกำไรในระดับที่ดีได้ต่อเนื่อง"
กรรมการผู้จัดการ กล่าวอีกว่าแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯประเมินว่ายังมีแนวโน้มที่สดใส เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมการส่งออกฟื้นตัวแรง ขณะที่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ยังคงมีสัญญาณที่ดีต่อเนื่อง ขณะที่บริษัท FPI AUTO PART INDIA PRIVATE LIMITED ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในประเทศอินเดีย ดำเนินธุรกิจออกแบบและผลิตชิ้นส่วนยานยนต์, บริการรับออกแบบผลิตภัณฑ์และผลิตแม่พิมพ์พลาสติก, รับจ้างฉีด, ชุบโครเมียม, พ่นสี, ประกอบ ชิ้นงานทุกประเภท ปัจจุบันมีการฟื้นตัวอย่างคึกคัก โดยมีออเดอร์เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีก่อน ซึ่งมีมูลค่างานในมืออยู่แล้วกว่า 700 ล้านรูปี
ทั้งนี้ บริษัทฯ มียอดคำสั่งซื้อในมือ (Backlog) ทั้งงานในประเทศ และต่างประเทศ มูลค่ารวมกว่า 800 ล้านบาท โดยทยอยรับรู้ในปีนี้ประมาณ 500 ล้านบาท และที่เหลือจะรับรู้ในปีถัดไป ขณะเดียวกันมีแผนเตรียมยื่นประมูลงานใหม่เพิ่มเติมอีก 300-400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะประมูลได้ประมาณ 50% ดังนั้น มีโอกาสที่จะสนับสนุนให้งานในมือปีนี้เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,000 ล้านบาท