บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดตัว REDPAPER รายงานข้อมูล เทรนด์ และความเคลื่อนไหวของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม ที่จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันความรู้ให้แก่ภาคธุรกิจ พร้อมเปิดตัวด้วยบทวิเคราะห์แรกที่กล่าวถึงแนวโน้มของตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้ว่าจะมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น หลังจากผู้ประกอบการมีการปรับแผนธุรกิจและการตลาด เน้นขยายพอร์ตแนวราบเพิ่มจำนวนโครงการตอบรับดีมานต์ผู้บริโภคในยุค Now Normal ที่ผู้คนสามารถปรับตัวอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้แล้ว โดยกลุ่มเซกเมนต์ที่อยู่อาศัยที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดได้แก่กลุ่มแนวราบประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม เพราะโดดเด่นในด้านความคุ้มค่า คุ้มราคา อีกทั้งยังสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ด้วยพื้นที่ที่ยืดหยุ่นและขนาดที่มากขึ้น
ที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนยังสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับพฤติกรรมของผู้คนในสังคม ที่ให้ความสำคัญอย่างมากกับสุขภาพและความปลอดภัย การทำกิจกรรมภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงการออกกำลังกาย จึงกลายเป็นวิถีชีวิตใหม่ของคนในวันนี้ ทำให้ที่อยู่อาศัยที่สามารถตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตยุค Now Normal เป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้น โดย REDPAPER ได้ทำการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,700 คน อายุระหว่าง 22-53 ปี ที่มีรายได้ต่อเดือน 35,000-160,000 บาท ในช่วงปลายปี 2564 พบว่าสามารถแบ่งประเภทผู้บริโภคที่สนใจซื้อที่อยู่อาศัยตามไลฟ์สไตล์ได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ Outgoer (คนชอบทำกิจกรรมนอกบ้าน) 21%, Wellbeing (คนใส่ใจสุขภาพ) 23%, Well-Organized (คนชอบจัดบ้าน) 24% และ Homebody (คนติดบ้าน) 32% ซึ่งทุกกลุ่มล้วนให้ความสำคัญกับการมี Space หรือพื้นที่ที่มากขึ้นเพื่อทำกิจกรรมได้หลากหลาย อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมที่ดีและการมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง นอกจากนี้ REDPAPER ยังพบข้อมูลว่าสำหรับกลุ่มคนติดบ้าน คนชอบจัดบ้าน และคนใส่ใจสุขภาพ เป็น 3 กลุ่มที่แสดงแนวโน้มความสนใจซื้อบ้านเดี่ยวอย่างชัดเจน เพราะเป็นกลุ่มที่ใช้เวลาส่วนมากที่บ้านจึงให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตที่บ้านมากที่สุด โดยเทรนด์การทำงานแบบ Work from Home หรือ Hybrid Working นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้สนใจซื้อบ้านเดี่ยวด้วยเช่นกัน
จากการสำรวจในครั้งนี้ REDPAPER พบว่ากลุ่มผู้สนใจซื้อบ้านคำนึงถึงความคุ้มค่าเป็นอันดับหนึ่ง โดยผู้บริโภคไม่ได้มองหาบ้านที่มีราคาถูกที่สุดแต่จะเลือกบ้านที่ตอบโจทย์ด้านความคุ้มค่าคุ้มราคาได้มากที่สุด โดยจะพิจารณาจากฟังก์ชั่นการใช้งานของพื้นที่ภายในบ้าน รวมถึงคุณภาพวัสดุการก่อสร้าง และ ขนาดของพื้นที่ใช้สอย รองลงมาคือการให้ความสำคัญกับการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องการมาตรฐานด้านการดูแลสุขอนามัยและความปลอดภัยของพื้นที่ส่วนกลางในระดับสูงที่ช่วยให้รู้สึกปลอดภัยตลอดเวลา โดยเปิดรับการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกอย่าง Smart Home มากยิ่งขึ้น ผู้บริโภคยังต้องการบ้านที่ใส่ใจในการออกแบบให้สามารถถ่ายเทอากาศได้เพื่อส่งเสริมสุขอนามัยที่ดี ทั้งนี้ จะเริ่มเห็นผู้สนใจซื้อบ้านให้ความสำคัญกับบ้านที่สามารถตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นบ้านประหยัดพลังงาน หรือบ้านที่ก่อสร้างด้วยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังต้องการมีพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน สุดท้ายคือปัจจัยด้านความถูกใจของผู้อยู่อาศัยหลายช่วงวัย โดยคำนึงถึงการใช้งานของผู้อยู่อาศัยทุกเจนเนอร์เรชั่น รวมไปถึงสัตว์เลี้ยง ซึ่งเน้นความเป็นสัดส่วนและการใช้วัสดุตกแต่งที่ให้ความปลอดภัยแก่ทุกชีวิตเป็นสำคัญ
ด้วยปัจจัยสำคัญต่างๆ ที่กล่าวถึงในข้างต้น ประกอบกับลักษณะการใช้ชีวิตใน "บ้านเดี่ยว" ที่ให้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น มีพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วนและยืดหยุ่น สามารถรองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลายตอบโจทย์การทำงาน-การเรียนแบบ Hybrid จึงทำให้บ้านเดี่ยวเป็นที่ต้องการของหลายเจนและหลายครอบครัว โดยผลสำรวจพบว่ามีความต้องการซื้อบ้านเดี่ยวสูงขึ้นถึง 21% เมื่อเทียบกับปีก่อน และจากปัจจัยเลือกที่อยู่อาศัยทั้ง 5 ผู้ซื้อบ้านเดี่ยวให้ความสำคัญกับด้านความคุ้มค่า คุ้มราคา (SAVE) และ ความปลอดภัย (SAFETY) เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น
ในด้านของบ้านประเภท "ทาวน์โฮม" ยังคงได้รับความสนใจในระดับสูง ผู้สนใจซื้อบ้านครึ่งหนึ่งให้ความเห็นว่ายังคงต้องการบ้านประเภทนี้ที่ตั้งอยู่ในเมืองช่วงราคาประมาณ 2-5 ล้านบาท ด้วยเหตุผลเดียวกันกับบ้านเดี่ยวที่สามารถตอบโจทย์ในด้านความคุ้มค่าเป็นสำคัญ เพราะสำหรับคนยุคใหม่ หรือครอบครัวขนาดเล็ก ทาวน์โฮมในช่วง 3 ล้านบาทขึ้นไปนับว่าอยู่ในระดับราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับราคาบ้านเดี่ยวหรือคอนโดในเมือง แต่ให้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้นและอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก
REDPAPER พิจารณาว่า ในภาพรวมอสังหาฯประเภทที่อยู่อาศัยจะปรับเปลี่ยนด้านรูปแบบการจัดสรรพื้นที่เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น เน้นการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานภายในบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมบริการพื้นที่ส่วนกลางที่ส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดี เช่น พื้นที่สีเขียว และพื้นที่สันทนาการอย่างฟิตเนสและคลับเฮาส์ ในช่วงนี้และอนาคตต่อไปจะยังคงเห็นบ้านมัลติฟังก์ชั่นที่พร้อมรองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลายมากขึ้น โดยการขยายหรือพัฒนาโครงการใหม่ในทำเลที่ใกล้ต่อสิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่สำคัญต่างๆ ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญ เพราะผู้ซื้อบ้านนำประเด็นด้านความสะดวกมาพิจารณาร่วมกับด้านไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตภายในบ้าน