บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (AEONTS) ที่ 'A-(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F2(tha)' โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ พร้อมกันนี้ฟิทช์ยังได้คงอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของบริษัทที่ 'A-(tha)'
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
การคงอันดับเครดิตของ AEONTS สะท้อนถึงการที่บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่ออุปโภคบริโภค (consumer finance) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง แม้ภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมสินเชื่อส่วนบุคคลจะมีความเข้มข้น ซึ่งรวมถึงการแข่งขันจากผู้เล่นขนาดใหญ่ เช่น ธนาคารพาณิชย์ แต่อย่างไรก็ตาม AEONTS ยังคงมีความสามารถในการทำกำไรได้ต่อเนื่องตามวัฎจักรของภาวะเศรษฐกิจ (through-the-cycle) และในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
สภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน (operating environment) ยังคงเผชิญกับความท้าทายเนื่องจากผลกระทบต่อเนื่องจากโรคระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งส่งผลให้อัตราการว่างงานและหนี้สินภาคครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามความเสี่ยงได้ถูกลดทอนลงบ้างจากแนวโน้มของภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในปี 2565 แม้ว่าความเสี่ยงในด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง แต่ฟิทช์เชื่อว่า AEONTS มีระดับสำรองหนี้สูญที่ค่อนข้างสูง (โดยมีอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ 309% ณสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2564) ซึ่งน่าจะช่วยรองรับความเสี่ยงของการปรับตัวด้อยลงของคุณภาพสินทรัพย์ที่มากกว่าคาดการณ์ ทั้งนี้ AEONTS ยังคงมีความสามารถในการทำกำไรที่ค่อนข้างสม่ำเสมอต่อเนื่อง โดยบริษัทมีอัตรากำไรก่อนภาษีต่อสินทรัพย์เฉลี่ยที่ 5.2% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 (สิ้นสุด เดือนพฤศจิกายน 2564) แม้ค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญจะปรับตัวสูงขึ้น
อัตราส่วนระดับหนี้สินของ AEONTS ปรับตัวแย่ลงในช่วงปีงบการเงิน 2563 เนื่องจากรายการพิเศษของผลกระทบจากการใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS9 อย่างไรก็ตามอัตราส่วนระดับหนี้สินมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างมากในช่วงปี 2564 โดยอัตราส่วนหนี้ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่จับต้องได้ (debt/tangible equity) ปรับตัวดีขึ้นเป็น 3.6 เท่า ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2564 ทั้งนี้ฟิทช์ยังคงคาดว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทน่าจะยังคงช่วยสนับสนุนฐานะเงินทุนของบริษัทต่อเนื่อง (internal capital generation) และเงินทุนของบริษัทน่าจะเป็นกันชนช่วยรองรับความเสี่ยงจากการปรับตัวแย่ของสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่มากกว่าคาดการณ์
เช่นเดียวกันกับสถาบันการเงินที่มิใช่ธนาคารรายอื่น AEONTS ไม่สามารถรระดมเงินจากเงินฝากได้ ดังนั้นบริษัทจึงต้องพึ่งพาการระดมเงินจากตลาดทุน (wholesale funding) อย่างไรก็ตามฟิทช์เชื่อว่าความเสี่ยงด้านการรีไฟแนนซ์น่าจะสามารถลดทอนลงได้บ้างจากการที่ธนาคารมีความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคารอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทยังมีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุน
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตไม่น่าจะได้รับการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นเนื่องจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานยังคงค่อนข้างอ่อนแอ ซึ่งเป็นผลกระทบจากโรคระบาด และส่งผลให้ยังคงมีความไม่แน่นอนโดยเฉพาะในด้านคุณภาพสินทรัพย์
ในระยะปานกลาง การปรับเพิ่มอันดับเครดิตจะขึ้นอยู่กับการประเมินของฟิทช์ต่อระดับความแข็งแรงของความสามารถในการแข่งขันของบริษัทและการปรับตัวดีของโครงสร้างธุรกิจ (business profile) ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวอาจบ่งชี้ได้จากสถานะทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคของบริษัทที่มั่นคงหรือปรับตัวดีขึ้น พร้อมกับมีการปรับตัวดีขึ้นของอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ เช่นอัตราส่วนด้านคุณภาพสินทรัพย์และอัตราส่วนด้านรายได้ ตัวอย่างเช่น ฟิทช์อาจเชื่อว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของบริษัทจะสามารถทรงตัวอยู่ในระดับประมาณ 2.5% หรือต่ำกว่าได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่มีความสม่ำเสมอมากขึ้นอย่างเช่นในช่วงก่อนโรคระบาด ที่ต่ำกว่า 7% ของสินเชื่อและการมีอัตรากำไรที่สม่ำเสมอ รวมทั้งความสามารถในการสะสมกำไรเพื่อเพิ่มฐานะเงินทุน (internal capital generation) ในระดับที่เพียงพอต่อการเติบโตของธุรกิจโดยไม่ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเกินไป
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
ฟิทช์อาจปรับลดอันดับเครดิตของ AEONTS หากบริษัทมีผลการดำเนินงานที่แย่ลงอย่างมากเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของฟิทช์ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่อาจอ่อนแอ่กว่าที่คาดการณ์ และส่งผลให้อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญในด้านต่างๆ มีการปรับตัวด้อยลง ตัวอย่างเช่น หากฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพจะปรับตัวขึ้นสูงกว่า 5% เป็นเวลาต่อเนื่อง (3.7% ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2564) ประกอบกับการมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่ค่อนข้างจำกัด ในด้านของระดับสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและเงินกองทุน
รายละเอียดของอันดับเครดิตมีดังต่อไปนี้:
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'A-(tha)'; "แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ"
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F2(tha)'
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันคงอันดับที่ 'A-(tha)'