บลจ.กสิกรไทย ประเมินสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน และการปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในระยะสั้น เชื่อมั่นธุรกิจที่มีแนวคิด ESG มีอนาคตไกลจากพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน แนะนำ 2 กองทุนหุ้นรักษ์โลก 'K-CHANGE และ K-CLIMATE' โดยผู้ลงทุนที่ถือกองทุนนี้อยู่สามารถถือต่อไปได้ ส่วนผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ เป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนในช่วงที่ราคา NAV ปรับตัวลง
นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า การเจรจาระหว่างคณะผู้แทนของรัสเซียและยูเครนยังไม่ได้ข้อสรุปและมีความยืดเยื้อ ผลักดันให้ราคาพลังงานยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศการลงทุน ประกอบกับการคาดการณ์ว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์นี้ และประเมินท่าทีความกังวลต่อความผันผวนต่างๆ เช่น ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน การชะลอตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีผลต่อแนวทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไป ทั้งนี้ ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมีความกังวลต่อสถานการณ์ความผันผวน ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาเกิดแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น และชะลอการเข้าลงทุน
นายนาวินกล่าวต่อไปว่า กองทุนหุ้นรักษ์โลกของกสิกรไทย ทั้งกองทุน K-CHANGE และ K-CLIMATE เป็นอีกหนึ่งกลุ่มกองทุนที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนในครั้งนี้ เนื่องจาก หุ้นในพอร์ตส่วนใหญ่เป็นหุ้นเติบโตสูง (Growth) ซึ่งผู้ลงทุนมักเลือกที่จะขายหุ้นกลุ่มนี้ออกมาก่อนเพื่อทำกำไร ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลงและผลการดำเนินงานของกองทุนในช่วงที่ผ่านมาต่ำกว่าดัชนีชี้วัด อย่างไรก็ดี ผู้จัดการกองทุนหลักยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของหุ้นทุกตัวในพอร์ตและไม่มีการปรับสัดส่วนใดๆ โดยให้ความเห็นว่าความผันผวนดังกล่าวไม่มีผลต่อการดำเนินงานของกองทุนในระยะยาว เนื่องจาก บริษัทที่เลือกลงทุนล้วนมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และสามารถปรับตัวได้ตามภาวะเศรษฐกิจ
"จากการที่หลายประเทศได้คว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่ของโลก ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทำให้ธุรกิจพลังงานทางเลือกและพลังงานสะอาดเป็นที่ต้องการในตลาดทั่วโลกมากขึ้น ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นรักษ์โลก โดยมองว่าเป็นธีมการลงทุนที่อยู่ในกระแสหลักของโลก และได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับธุรกิจที่นำแนวคิด ESG มาปรับใช้จะมีความสามารถในการแข่งขัน และมีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจที่ยั่งยืนกว่าในระยะยาว" นายนาวินกล่าว
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ลงทุนที่ถือกองทุน K-CHANGE และ K-CLIMATE ยังสามารถถือต่อไปได้ โดยมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ในระยะสั้นอาจปรับตัวลง และจะค่อยๆ ปรับตัวขึ้นได้ในระยะถัดไป สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง สามารถหาจังหวะทยอยเข้าลงทุนเพิ่มได้ในช่วงที่ NAV ปรับตัวลงเช่นนี้ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
ผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน K-CHANGE และ K-CLIMATE จากกสิกรไทย สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย หรือ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางการลงทุนข้างต้น หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน - ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต - การลงทุนในหุ้นต่างประเทศอาจมีความผันผวนตามสภาวะตลาดและค่าเงิน - กองทุน K-CHANGE ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนต่างประเทศ - กองทุน K-CLIMATE ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน - เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้