นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจะเสนอต่อที่ประชุม ศบศ.ในวันพรุ่งนี้ (18 มี.ค. 65) เพื่อพิจารณามาตรการในการเปิดประเทศ เช่น ยกเลิกมาตรการ Test & Go รวมทั้ง การกักตัวและการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ด้วยวิธี RT-PCR (Real Time PCR) โดยปรับมาให้ผู้เดินทางเข้าประเทศแสดงวัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) หรือหลักฐานการฉีดวิคซีน 2 เข็ม ก่อนเข้าประเทศเท่านั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เสริมสร้างบรรยากาศด้านการท่องเที่ยวของไทย และช่วยดึงเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวเข้ามาประคองเศรษฐกิจในช่วงเวลาเราที่ได้รับผลกระทบทั้งจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ที่ผ่านมา และแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม จากผลกระทบของการติดเชื่อโอมิครอนที่มีอาการรุนแรงไม่มากนัก ประกอบกับการปรับกลยุทธ์ของภาครัฐที่เตรียมจะปรับให้ COVID-19 เป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) จึงคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2565 จะขยายฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปช่วงครึ่งปีหลัง โดยตลอดทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยอยู่ที่ 5.58 - 6 ล้านคน และหากคิดเร็วๆ จะพบว่า รายจ่ายเฉลี่ยต่อหัวที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาใช้จ่ายในไทยนั้นอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาทต่อหัว ซึ่งเท่ากับว่าเราจะมีรายได้เข้าประเทศถึง 558,000 - 600,000 ล้านบาท โดยเฉพาะระหว่างเดือนมีนาคมจนถึงเมษายนนั้น ถือเป็นช่วง High Season ที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางมาประเทศไทย หากเราเร่งปรับเงื่อนไขต่างๆ ให้สะดวกขึ้น รวมทั้ง การผ่อนปรนกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กลับสู่ภาวะปกติไม่ว่าจะเป็น การประชุม สัมมนา การจัดนิทรรศการ และกิจกรรมสันทนาการต่างๆ ก็มีส่วนสำคัญที่จะเสริมสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่ง
นอกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว จะพบว่าจากการเดินทางและการสืบค้นในโลกอินเทอร์เน็ต ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา (Google mobility) ยังคงมีอัตราสูงกว่าช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวไทยเริ่มคลายความกังวลจากโอมิครอนแล้ว ประกอบกับมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน รวมทั้งการมีวันหยุดยาว ทำให้นักท่องเที่ยวไทยเริ่มกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยตลอดทั้งปี อยู่ที่ 126.4 ล้านคน/ครั้ง ดังนั้นรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากต่างชาติรวมกันแล้ว กว่า 1 ล้านล้านบาท
เราจำเป็นต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นกับนานาชาติถึงความพร้อมของไทยในการเปิดประเทศ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาได้เร็วยิ่งขึ้น อย่างในหลายประเทศก็ได้มีการยกเลิกมาตรการควบคุมต่างๆ เกือบทั้งหมดแล้ว และหันมาเน้นการใช้หนังสือรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 (Vaccine Passport) อย่างเดียว ก็สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศนั้นๆ ได้ ดังนั้น การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเดินทางระหว่างประเทศและจะเป็นผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว ภาคบริการ และภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว รวมถึง ผู้ประกอบขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) อีกกว่า 3 ล้านราย ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ทั้งภัตตาคารและร้านอาหาร ร้านขายของชำ ร้านค้าทั่วไป โรงแรมและรีสอร์ท ให้สามารถดำเนินธุจกิจต่อไปได้ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนในช่วงนี้