UN Women ร่วมเผยแพร่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ในภาคธุรกิจไทยสู่การเติบโตที่ยั่งยืน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 17, 2022 14:11 —ThaiPR.net

UN Women ร่วมเผยแพร่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ในภาคธุรกิจไทยสู่การเติบโตที่ยั่งยืน

องค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Women ร่วมเผยแพร่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและแนวทางส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในภาคธุรกิจของประเทศไทย โดยกำหนดแนวทางสำหรับนโยบายและแนวทางปฏิบัติ สู่การพัฒนาศักยภาพสตรีในภาคธุรกิจ ตลอดจนการสร้างการเติบโตที่อย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจและสังคม

เอกสารข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในหัวข้อ "Building Pathways to Gender Equality and Sustainability through the Women's Empowerment Principles: Thailand Policy Brief" จัดทำขึ้นโดยโครงการ WeEmpowerAsia ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากองค์การ UN Women และสหภาพยุโรป (EU) เพื่อนำเสนอข้อแนะนำเชิงกลยุทธ์และแนวทางเชิงนโยบายให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในภาคธุรกิจ ผ่านการส่งเสริมการเปิดเผยและรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความเท่าเทียมทางเพศ สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ การสนับสนุนบทบาทผู้นำองค์กรสตรี และการสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการสตรีและธุรกิจที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของหรือผู้นำในห่วงโซ่อุปทานของภาครัฐและเอกชนทั้งในระดับประเทศและระดับโลก

โดยเอกสารดังกล่าวจะได้รับการเผยแพร่ในงานเสวนา "Inclusive Policy means Sustainable Growth" ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และมูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย ยังถือเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ และนำเสนอแนวทางสู่การส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และศักยภาพสตรีในภาคธุรกิจไทย อันเป็นรากฐานของการเติบโตที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจและสังคมไทย รวมถึงยังเป็นการเฉลิมฉลองเดือนสตรีสากลอีกด้วย โดยงานเสวนาดังกล่าวจัดขึ้นในวันพุธที่ 16 มีนาคม 2565 เวลา 08:30 น. ที่โรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพฯ และถ่ายทอด สดผ่านช่องทาง Zoom และ Facebook Live ทางเพจของ UN Women Asia and the Pacific @unwomenasia สำนักงาน ก.ล.ต. @sec.or.th สสว. @officeofsmes และ มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย @KenanThailand

นายจูเซปเป บูซีนี รองหัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรป ประจำประเทศไทย กล่าวว่า "เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา การค้าระหว่างสหภาพยุโรปและประเทศไทยมีมูลค่ารวม 29,000 ล้านยูโร ผมเล็งเห็นว่าเราทั้งคู่ต่างมีความสามารถที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริงได้ ผมยินดีที่ได้ร่วมงานกับหน่วยงานผู้กำกับดูแลของไทยในการสนับสนุนการค้าและห่วงโซ่อุปทานระหว่างไทยและสหภาพยุโรปที่ยั่งยืนและส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ โดยเฉพาะในการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย Building Pathways to Gender Equality and Sustainability through the Women's Empowerment Principles: Thailand Policy Brief ที่เราได้เผยแพร่ในวันนี้"

นางสาวซาร่าห์ นิบบซ์ รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การ UN Women สำนักงานภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก ได้กล่าวถึงเป้าประสงค์ที่สำคัญของเอกสารฉบับนี้ "เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หน่วยงานภาครัฐจะนำข้อเสนอแนะใน Thailand Policy Brief ฉบับนี้ใช้เป็นแนวทางเพื่อช่วยกำกับดูแล และสร้างแรงจูงใจการประกอบธุรกิจให้เกิดการมีส่วนร่วมของคนทุกเพศได้ เพราะความเท่าเทียมทางเพศไม่ได้เพียงแค่ทำให้ธุรกิจเติบโตเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งความยั่งยืนที่ทุกคนในสังคมมีส่วนร่วมได้"

ในช่วงเสวนา สำนักงาน ก.ล.ต. และ สสว. ยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทในด้านการขับเคลื่อนนโยบายเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ และการให้ข้อเสนอแนะในการจัดทำเอกสารเชิงนโยบายฉบับนี้ รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายเหล่านี้ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า "การเพิ่มบทบาทสตรีในระดับผู้นำองค์กรเป็นหนึ่งในเป้าประสงค์ตามแผนดำเนินการเพื่อเพิ่มบทบาทสตรีในตลาดทุนไทย ของ ก.ล.ต. นอกจากนี้ เกณฑ์การเปิดเผยข้อมูล 56-1 One Report ซึ่งมีผลบังคับใช้ในปีนี้ ได้เน้นการเปิดเผยข้อมูล ESG โดยเฉพาะข้อมูลการปฏิบัติตามนโยบาย ซึ่งรวมถึงนโยบายความหลากหลายของคณะ กรรมการ และข้อมูลเพศของกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ดังนั้นการเปิดเผยข้อมูลจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่สะท้อนความโปร่งใสและความรับผิดชอบของบริษัทจดทะเบียนต่อผู้มีส่วนได้เสีย"

นางสาววิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า "ในประเทศไทยยังไม่มีการนิยามคำจำกัดความของผู้ประกอบการสตรีอย่างชัดเจน ซึ่งการขาดกลไกดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคต่อการกำหนดสิทธิเพื่อผู้ประกอบการสตรี รวมถึงการจะใช้ประโยชน์จากความร่วมมือในระดับสากลในการส่งเสริม SME ที่กำหนดเป้าหมายเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการสตรี"

ด้านนายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานอำนวยการ มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย ได้กล่าวเสริมว่า "นอกจากงานเสวนาแล้ว ยังมีกิจกรรมประกวดแผนธุรกิจ "IDEA to I DO เปลี่ยนแผนธุรกิจเป็นเงินทุน" ที่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการหญิงได้แสดงศักยภาพในการนำเสนอสินค้าและบริการ หรือ Business Presentation Competition และทำความรู้จักกับระบบการจัดซื้อจัดจ้างที่คำนึงถึงความเสมอภาคทางเพศ เพื่อให้ผู้ประกอบการเหล่านี้เข้าถึงโอกาสทางการตลาดและห่วงโซ่อุทานในระดับประเทศและทั่วโลก ซึ่งถือเป็นการริเริ่มการสร้างผลลัพธ์จากข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่ได้เผยแพร่ในวันนี้ให้เกิดขึ้นจริง โดยการนำเสนอแผนธุรกิจในวันนี้ มีผู้ประกอบการหญิงที่ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 6 คน จากทั้งหมด 42 คน มานำเสนอสินค้าและบริการกับคณะกรรมการจากหน่วยงานภาครัฐและองค์กรธุรกิจชั้นนำ ได้แก่ สสว. สำนักงาน ก.ล.ต. ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย สยามแม็คโคร และ UN Women โดยผู้ประกอบการที่ร่วมแข่งขันเป็นผู้ที่เคยเข้าร่วมการฝึกอบรม WeRise เพื่อพัฒนาทักษะที่สำคัญในการประกอบธุรกิจที่จัดขึ้นโดยมูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย ร่วมกับองค์การ UN Women"

กิจกรรมประกวดแผนธุรกิจ "IDEA to I DO เปลี่ยนแผนธุรกิจเป็นเงินทุน มีผู้ประกอบการหญิงที่ผ่านการคัดเลือกและได้มานำเสนอสินค้าและบริการภายในงาน ได้แก่ ABBY บริการอาบน้ำและตัดขนสัตว์เลี้ยงที่บ้าน Kid and Kru แพลทฟอร์มซื้อขายสื่อการสอนและคลาสเรียน, Joy Ride บริการรับส่งผู้สูงอายุและผู้ป่วยไปโรงพยาบาลพร้อมบริการดูแลตลอดการเข้าใช้บริการที่โรงพยาบาล, SEEDs 2 SUSTAIN Co.,Ltd บริการแนะนำและสั่งซื้ออาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและไต, รองเท้าแบรนด์ เอพริล ฟลอร์ รองเท้าเปลี่ยนส้นได้สำหรับผู้หญิง และแบรนด์ JOYA Smart Food สร้างสรรค์อาหารที่มีคุณภาพ รสชาติและปริมาณที่เหมาะสมสำหรับเด็ก โดยผู้ประกอบหญิงทั้ง 6 คน ต่างได้แสดงถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการที่จะดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน สำหรับผู้ชนะการแข่งขันแผนธุรกิจ IDEA to I DO ในครั้งนี้ ได้แก่ Joy Ride


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ