รัฐบาลญี่ปุ่นร่วมกับองค์การยูนิเซฟมอบอุปกรณ์เพื่อใช้จัดเก็บและขนส่งวัคซีนมูลค่า 25 ล้านบาท (ประมาณ 750,000 ดอลล่าสหรัฐ) ภายใต้ โครงการ Last One Mile Support เพื่อช่วยสนับสนุนประเทศไทยในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมุ่งเน้นให้ทุกคนซึ่งรวมถึงประชากรกลุ่มเปราะบางที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง
จากการร่วมมือในครั้งนี้ อุปกรณ์สำหรับระบบลูกโซ่ความเย็นซึ่งใช้เพื่อจัดเก็บและขนส่งวัคซีนเหล่านี้ได้ถูกจัดส่งไปยังโรงพยาบาลและหน่วยบริการสาธารณสุขทั่วประเทศ โดยจะช่วยให้กระทรวงสาธารณสุขสามารถจัดเก็บและกระจายวัคซีนโควิด-19 และวัคซีนป้องกันโรคอื่น ๆ ไปยังประชากรทุกกลุ่มได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ
อุปกรณ์ที่ได้ทำการส่งมอบแล้ว ประกอบด้วย หีบเย็น 1,720 ชิ้น กระติกวัคซีน 1,000 ชิ้น และอุปกรณ์วัดและบันทึกอุณหภูมิอย่างต่อเนื่อง 1,000 ชิ้น อุปกรณ์คุณภาพสูงเหล่านี้จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสามารถลงพื้นที่ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนตามหมู่บ้านห่างไกลได้ เช่น ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส และในเร็ว ๆ นี้ จะมีการจัดส่งตู้เย็นประเภท Ice-lined จำนวน 230 ตู้ และตู้เย็นแช่แข็งสำหรับจัดเก็บเวชภัณฑ์อีกจำนวน 50 ตู้ เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงวัคซีนที่มีประสิทธิภาพได้อย่างถ้วนหน้า
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้การสนับสนุนประเทศไทยในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านหลากหลายโครงการนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาด ยกตัวอย่างเช่น เมื่อปีที่แล้วรัฐบาลญี่ปุ่นได้บริจาควัคซีน 2.05 ล้านโดสและเครื่องผลิตออกซิเจนจำนวน 868 เครื่อง
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า "ความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทยแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิมนับตั้งแต่ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดรายแรก รัฐบาลญี่ปุ่นได้สนับสนุนเครื่องผลิตออกซิเจนและวัคซีนโควิดในยามที่เราขาดแคลนวัคซีน วันนี้ผมรู้สึกซาบซึ้งในการสนับสนุนครั้งนี้ อุปกรณ์เพื่อจัดเก็บวัคซีนเหล่านี้จะถูกส่งไปยังโรงพยาบาลและหน่วยบริการสาธารณสุขประจำจังหวัดทั่วประเทศรวมถึงในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นมากในการรับมือกับโควิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกลและตามแนวชายแดนซึ่งเป็นพื้นที่ ๆ ต้องการวัคซีน อุปกรณ์จัดเก็บวัคซีนและเครื่องมือแพทย์มากที่สุด"
นายนะชิดะ คะสุยะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่นประจำราชอาณาจักรไทย กล่าวว่า ในฐานะที่ญี่ปุ่นถือเป็น "พันธมิตรเชิงกลยุทธ์" และมิตรของประเทศไทย ญี่ปุ่นจะยังคงให้การสนับสนุนรัฐบาลไทยและประชาชนในประเทศไทยในการฟื้นฟูจากการแพร่ระบาดครั้งนี้ให้กลับมาดียิ่งกว่าเดิม"
วัคซีนได้ช่วยชีวิตผู้คนจำนวนหลายพันล้านคนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่การขนส่งวัคซีนไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วโลกนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อน เนื่องจากวัคซีนต้องถูกเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสมนับตั้งแต่วันที่ผลิตจนกระทั่งถึงวันที่ฉีดวัคซีน การจัดเก็บในอุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไปจะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนในการต่อสู้กับเชื้อโรคลดลง และเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้
นางคยองซัน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า "การทำให้ทุกคนเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ณ เวลานี้ การสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่นทำให้เรามั่นใจได้ว่าวัคซีนจะถูกจัดเก็บและขนส่งภายใต้อุณหภูมิที่เหมาะสมแม้จะถูกจัดส่งไปยังพื้นที่ห่างไกลก็ตาม ซึ่งจะทำให้วัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพในวันที่ทำการฉีด นอกจากนี้ อุปกรณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อการฉีดวัคซีนโควิด-19 เท่านั้น แต่ยังจะเป็นประโยชน์ต่อการให้วัคซีนพื้นฐานให้แก่เด็ก ๆ ทั่วประเทศ และปกป้องพวกเขาจากโรคภัยไข้เจ็บด้วย"
การส่งมอบอุปกรณ์สำหรับระบบลูกโซ่ความเย็นเหล่านี้จัดขึ้นในวันนี้ที่กระทรวงสาธารณสุข และเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นในการรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ทั่วโลก ทั้งนี้ ภายใต้โครงการ Last One Mile Support รัฐบาลญี่ปุ่นได้สนับสนุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3.35 หมื่นล้านบาท) ผ่านโครงการโคแวกซ์ และ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5,360 ล้านบาท) ให้แก่ยูนิเซฟเพื่อสนับสนุนประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในการต่อสู้กับโควิด-19